“เจ๊สด” ออกอาการเซ็ง บ่นอนุกรรมการสอบหุ้น 44 ส.ส.ทำงานไม่เรียบร้อย เรียกอบรม ยันไม่จำเป็นต้องขยายเวลาสอบ คาดลงมติได้พรุ่งนี้แน่ เผยอนุฯสอบเงิน 258 ล้านพรรคประชาธิปัตย์เสร็จแล้ว หาก “อภิชาต” แจกสำเนา ขอเวลาศึกษาก่อนลงมติ 7 วัน
วันนี้ (17 ส.ค.) นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงการพิจารณาสำนวน 44 ส.ส.ถือหุ้นที่อาจเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 48 ประกอบมาตรา 265 ว่า ในวันที่ 18 ส.ค.จะมีการนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุม กกต.แต่เท่าที่ศึกษาสำนวนเห็นว่ายังมีข้อตำหนิหลายส่วน อีกทั้งยังเก็บรายละเอียดไม่หมด ซึ่งต้องทำการจัดหมวดหมู่ของหุ้นใหม่ ตนก็ได้เรียกเลขาฯ คณะอนุกรรมการไต่สวนฯ มากำชับว่าควรทำให้เรียบร้อยก่อนที่ กกต.จะพิจารณา เพื่อง่ายต่อการลงมติ จึงได้เสนอให้ไปดูในรายงานของ ป.ป.ช.ว่า ส.ส.ที่ถูกร้องเข้ามานั้นถูกร้อง ว่าถือหุ้นอะไรบ้าง ให้มีการจัดหมวดหมู่ให้ถูกต้อง ซึ่งส่วนใหญ่ก็ถือหุ้นบริษัทที่ซ้ำกับบริษัทที่ กกต.ได้พิจารณาไปแล้ว แต่อาจจะมีเพิ่มขึ้นเพียงบางส่วนและเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งนี้การพิจารณาของ กกต.ก็จะพิจารณาตามกรอบเดิมที่เคยพิจารณาไปแล้ว อย่างไรก็ตามส่วนตนคิดว่าไม่น่าจะต้องมีการขยายเวลาออกไปอีกแล้ว และเห็นว่า น่าจะลงมติได้เลย เพราะไม่อยากจะให้มีการขยายเวลาออกไปอีกแล้ว
นางสดศรียังได้กล่าวถึงการพิจารณากรณีเงินสนับสนุน 258 ล้านบาท และเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้านบาทของพรรคประชาธิปัตย์ว่า เบื้องต้นได้คุยกับเลขาคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ แล้ว ทราบว่าการพิจารณาเรื่องดังกล่าวเสร็จแล้ว โดยจะมีการส่งให้กับประธาน กกต.ในวันนี้ (17 ส.ค.) นี้ คาดว่า ประธาน กกต.คงจะนำมาแจกกับ กกต.ในที่ประชุมกกต.ในวันที่ 18 ส.ค.จากนั้น กกต.ก็จะใช้เวลา 7 วันนำไปศึกษาก่อน หากไม่ต้องมีอะไรเพิ่มเติมก็สามารถที่จะลงมติได้ ซึ่งคงไม่ต้องให้ที่ปรึกษากฎหมายของ กกต.พิจารณา เพราะกรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับข้อเท็จจริง ไม่มีประเด็นทางข้อกฎหมาย แต่อย่างไรก็ตาม การพิจารณาจะต้องรอบคอบว่ามีการสอบพยานครบถ้วนหรือไม่ และยังมีประเด็นไหนที่ต้องเพิ่มเติมอีกหรือไม่ เพราะกรณีนี้เป็นประเด็นทางการเมือง ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าคณะอนุกรรมการได้มีมติ 3 ต่อ 2 ยกคำร้องดังกล่าวนั้น ทางเลขาอนุกกรรมการไต่สวนฯ ก็ได้ปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่ทราบว่าข่าวนั้นรั่วออกไปได้อย่างไร ยืนยันว่าข่าวที่ออกไปนั้นไม่ได้ออกไปจากเจ้าหน้าที่ กกต.แต่น่าจะออกไปจากอนุกรรมการ