xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ต้อนรับ “เฮง สัมริน” ยกระดับความสัมพันธ์ในเวทีอาเซียน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกฯ ให้การต้อนรับคณะประธานสภาแห่งชาติกัมพูชา ในระหว่างการเดินทางมาเยือนอย่างเป็นทางการ เพื่อกระชับความสัมพันธ์มั่นใจจะยกระดับความร่วมมือทั้งในระดับทวิภาคีและอาเซียน



วันนี้ (7 ส.ค.) สมเด็จอัครมหาพญาจักรี เฮง สัมริน ประธานสภาแห่งชาติกัมพูชา เข้าเยี่ยมคารวะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐสภา ระหว่างวันที่ 7-8 สิงหาคม 2552 ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

สมเด็จฯ เฮง สัมริน กล่าวว่า สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ฝากความระลึกถึงนายกรัฐมนตรี และกล่าวแสดงความยินดีต่อผลสำเร็จในการพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือไทย-กัมพูชา เพื่อมุ่งสร้างประโยชน์ต่อประเทศทั้งสอง ตลอดจนภูมิภาค และโลก

ทั้งนี้ กัมพูชารู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณในมิตรภาพ และการสนับสนุนของไทยในการพัฒนาประเทศกัมพูชามาโดยตลอด โดยเฉพาะความเอาใจใส่ต่อความร่วมมือระหว่างกัน ซึ่งความร่วมมือดังกล่าว ไทยและกัมพูชาประสบความสำเร็จในการลงนามในความตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน ซึ่งขอให้ไทยได้ผลักดันความร่วมมือและสัญญาต่างๆ ที่ได้มีการลงนาม เพื่อให้บรรลุผลตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ขณะที่ นายอภิสทธิ์ได้กล่าวแสดงความยินดีต้อนรับสมเด็จฯ เฮง สัมริน และคณะ และแสดงความขอบคุณสำหรับการต้อนรับเมื่อครั้งที่นายกรัฐมนตรีและคณะเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยได้กล่าวฝากความระลึกถึงสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา

นายกรัฐมนตรียังได้แสดงความพอใจต่อพัฒนาการที่ก้าวหน้าของความร่วมมือต่างๆ ที่ได้มีการหารือกันไว้ ส่วนข้อตกลงที่ยังค้างอยู่นั้น ขณะนี้รัฐสภาไทยได้เปิดการประชุมแล้ว จึงเชื่อว่าจะมีความคืบหน้าในการนำข้อตกลงต่างๆเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาต่อไป สำหรับการประชุม AIPA นั้น รัฐสภาไทยได้ความสำคัญต่อการประชุมเป็นอย่างมาก เพราะอาเซียนกำลังเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน และยินดีที่ทราบว่าการประชุมบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย

ทั้งนี้ ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ ไทยหวังว่าจะได้ต้อนรับรัฐบาลกัมพูชาอีกครั้งหนึ่งในการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ในการนี้นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเชื่อมั่นว่าความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชานั้นมีความแนบแน่น และสามารถขยายความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันได้อีกมาก ทั้งในกรอบทวิภาคีและอาเซียน
กำลังโหลดความคิดเห็น