“เทพไท” แดกดัน “เพื่อแม้ว” อย่าใส่ร้ายรัฐกล่าวหาล้วงลูกโผตำรวจ ท้าให้เปิดหลักฐานให้ชัด ปัดไม่มีพฤติกรรมปั้นพี่เมียขึ้นเป็นใหญ่เหมือนรัฐบาล “แม้ว” ยันเคารพในศักดิ์ศรีแม้ไม่ทำงานสนองรัฐ เชื่อเป็นตำรวจในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จวก “เด็จพี่” มุกแป้ก แนะเลิกอาชีพโฆษกไปแสดงละครคนหน้าขาว ยัน 6 เดือนรัฐบาล “มาร์ค” ผลงานเพียบ ไม่มีโกง
วันนี้ (3 ส.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้าไปดูแลสะสางคดีของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และมีข่าวพาดพิงในลักษณะว่าสิ่งที่นายกฯ เข้าไปแก้ปัญหาเนื่องจากมีเหตุผลที่ไม่พอใจเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจ และมีบุคคลใกล้ชิดของนายกฯ เข้าไปแทรกแซงขอตำแหน่งให้กับพรรคพวกว่า ตนได้สอบถามเรื่องนี้กับนายกฯ และคนใกล้ชิดของนายกฯ หลายคนแล้ว ซึ่งเป็นการพาดพิงมาถึงตนด้วยเนื่องจากเป็นโฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถือว่าเป็นคนใกล้ชิดของนายกฯ ด้วย เท่าที่ทราบไม่มีใครเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะทุกคนตระหนักดีว่าหน้าที่ของ ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญมีข้อห้ามอะไรบ้าง แต่มักจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ประจำ ถ้าหากมีการเปลี่ยนแปลงอะไรในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) หรือในหน่วยงานใดก็จะมีการอ้างว่าฝ่ายบริหารไม่พอใจที่ไม่สามารถไปโยกย้ายแต่งตั้งคนของตัวเองได้
“ขอยืนยันว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่มีพฤติกรรมเช่นนี้ เพราะไม่มีระบบเพื่อนฝูงใน สตช. ไม่มีวงศาคณาญาติที่จะปั้นขึ้นมาให้เจริญก้าวหน้ากระโดดข้ามหัวคนอื่นๆ เพื่อรับตำแหน่งเป็น ผบ.ตร. ซึ่งแตกต่างจากรัฐบาลชุดก่อนๆ ดังนั้น ถ้าจะมีการปล่อยข่าวอ้างเรื่องนี้ขึ้นมาก็อยากจะให้แหล่งข่าวได้เปิดเผยหลักฐานว่าคนใกล้ชิดของนายกฯ มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง เพื่อที่จะได้พิสูจน์ว่ามีจริงหรือไม่ การจะบอกว่ามีหลักฐานในลักษณะที่มีข้อความเป็นลายลักษณ์อักษรก็จะได้พิสูจน์กันว่าเป็นเจ้าของเอกสารชิ้นนั้นจริงหรือไม่ หรือเป็นการสวมรอยแอบอ้าง” นายเทพไทกล่าว
นายเทพไทกล่าวต่อว่า ส่วนที่พรรคเพื่อไทยพยายามเปิดข่าวนี้ขึ้นมา และพยายามพูดในลักษณะที่มีสัดส่วนการแต่งตั้งราชการตำรวจในลักษณะ 70-30 ตนคิดว่าพรรคเพื่อไทยก็คงจะเอามาตรฐานความรู้สึกเดิมของตัวเองที่เคยแทรกแซงหน่วยงานราชการในยุคของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่พยายามทำให้ประเทศไทยเป็นรัฐตำรวจ ดังนั้น ขอยืนยันว่าไม่มีสัดส่วน 70-30 อย่างที่กล่าวหา และแม้ว่าใน สตช.จะเป็นที่รู้ว่าคนหลายฝ่ายไม่ได้สนองนโยบายรัฐบาลเท่าที่ควร แต่รัฐบาลก็เคารพการทำงานโดยเชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนเป็นนายตำรวจในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนั้นจึงไม่มีเรื่องการกีดกันบุคคลหนึ่งบุคคลใดที่จะเข้ารับตำแหน่ง และไม่มีการปูนบำเหน็จหรือสนับสนุนบุคคลใดขึ้นมาดำรงตำแหน่ง เพราะคนของพรรคประชาธิปัตย์ใน สตช.ไม่มี แต่ทุกคนเป็นกลไกและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลชุดนี้ทั้งสิ้น
นายเทพไทกล่าวถึงกรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย วิจารณ์ 6 เดือนรัฐบาลไร้ผลงานว่า 6 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลไม่มีการทุจริตใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและเชิงนโยบาย ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน จึงถือว่าโฆษกพรรคเพื่อไทยต้องการบิดเบือนข้อเท็จจริง วิจารณ์อย่างมีอคติทางการเมือง อีกทั้งยังแก้เกี้ยวทางการเมือง หวังดิสเครดิตรัฐบาล ใช้มุกเก่าหยิบปี๊บขึ้นมาคลุมหัว อยากแนะนำให้โฆษกพรรคเพื่อไทยไปร่วมแสดงละครกับคณะละครใบ้คนหน้าขาวจะดีกว่า เพราะไม่ต้องแต่งหน้าอีกแล้ว แต่เขาจะยอมรับเข้าคณะด้วยหรือไม่ และจากการสำรวจความเห็นของประชาชนพบว่า พอใจในนโยบายเรียนฟรี 15 ปีมากที่สุด อีกทั้งในภาคเอกชนและภาคธุรกิจ ซึ่งมีความเป็นกลางทางการเมืองและได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจมากที่สุดก็ยังเห็นว่ารัฐบาลได้ทำดีที่สุดแล้วในภาวะการเมืองเช่นนี้ และยังให้รัฐบาลสอบผ่านถึง 8 คะแนนจากคะแนนเต็ม 10 ฉะนั้นที่พรรคเพื่อไทยพยายามบิดเบือนโจมตีเรื่องผลงานรัฐบาลก็เพียงหวังผลทางการเมืองเท่านั้น