เปรียบเทียบคำพูด 2 พลเอกของกองทัพไทย ต่อกรณีที่เสื้อแดงเคลื่อนไหวล่ารายชื่อถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อขออภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคุก
คนหนึ่งเป็นนายทหารที่มีอำนาจเต็ม และเป็นผู้บัญชาการทหารบก ที่ประกาศชัดถ้อยชัดคำว่า ไม่มีความเห็น ไม่เข้าไปยุ่ง
คนหนึ่งเป็นนายทหารเก่าที่หลังเกษียณราชการแล้วได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นองคมนตรี ประกาศอย่างหนักแน่นต่อกรณีนี้ว่า ผมไม่กลัว แต่ถ้ามาพูดต่อหน้าผม ผมจะตอบโต้อย่างทหารเก่า ถ้าหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ผมอาจจะทิ่มหน้าเขาเลย
“ASTVผู้จัดการ” ขอนำเอาคำพูดของ พล.อ.อนุพงษ์ ต่อจุดยืนเรื่องการถวายฎีกา ซึ่งเป็นการให้สัมภาษณ์อย่างองอาจต่อหน้าผู้สื่อข่าวจำนวนมาก เพื่อให้ผู้อ่านได้เปรียบเทียบกับคำพูดของ พล.อ.พิจิตร นายทหารเก่าคนหนึ่งที่ให้สัมภาษณ์ไว้ต่อสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น โดยทั้งสองคนได้สะท้อนจุดยืนที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
ผู้บัญชาการทหารบก
ในฐานะเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีความเห็นอย่างไร กรณีกลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนไหวล่ารายชื่อเพื่อถวายฎีกาของพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ
พล.อ.อนุพงษ์ - ผมในฐานะที่เราเป็นทหารของชาติ และของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่มีความเห็น
การเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะทำให้ประชาชนแตกแยกมากขึ้นหรือไม่
พล.อ.อนุพงษ์ - ถ้าท่านคิดว่าอย่างนั้น กองทัพก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งด้วย
เป็นการสร้างกระแสในการกดดันสถาบันหรือไม่
พล.อ.อนุพงษ์ - ไม่มีความเห็น
มีความจำเป็นที่ต้องยื่นเรื่องถวายฎีกาหรือไม่
พล.อ.อนุพงษ์ - ไม่มีความเห็น ไม่มีประโยชน์ ผมไม่พูด
กรณีที่องคมนตรีเห็นว่าการถวายฎีกาเป็นเรื่องไม่เหมาะสม
พล.อ.อนุพงษ์ - การประชุมองคมนตรีเป็นองค์กรที่ผมไม่ได้เกี่ยวข้อง การจะให้ไปวิพากษ์วิจารณ์แสดงความเห็นคงไม่ได้ คิดว่าสังคมไทยมันจะไปกันใหญ่ ต้องไปสัมภาษณ์คนที่ประชุม
ในฐานะคนไทยมองอย่างไร
พล.อ.อนุพงษ์ - การพูดของผมเป็นประเด็นไปหมด เพราะเป็นผู้บัญชาการทหารบกพูดแล้วเป็นประเด็น ถ้าจะถามคนไทยต้องออกไปข้างนอกถามได้เลย หากถามในฐานะคนไทยต้องเป็นอีกเรื่อง ต้องไม่เป็นประเด็น
การกระทำของเสื้อแดงมีความเหมาะสมหรือไม่
พล.อ.อนุพงษ์ - หากท่านยอมรับว่าเมืองไทยมีความขัดแย้งกันอยู่ กองทัพจะพยายามทำให้สถานการณ์บ้านเมืองมีความสงบสุข เป็นไปได้คือจะไม่แสดงความเห็น เพราะการแสดงความเห็นไปในทางด้านใดด้านหนึ่ง มันจะส่งผล ผมไม่อยากไปมีส่วน
******
พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์
องคมนตรี
มีข่าวว่าที่ประชุมองคมนตรีมีความเห็นเรื่องเกี่ยวกับการถวายฎีกาของเสื้อแดงทำไม่ได้
พล.อ.พิจิตร - มันไม่ถูก เพราะศาลฎีกาตัดสินออกมาแล้ว อำนาจในการบริหารประเทศมีนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ อำนาจตุลาการศาลฎีกาไม่ใช่ศาลชั้นต้นเขาตัดสินมาแล้วก็ไม่ว่าจะเป็นทหาร นายพล หรือพลทหาร ก็ต้องรับโทษตามนั้น ส่วนการอภัยโทษก็อีกขั้นตอนหลังจากรับโทษแล้ว แล้วจะไปเว้นได้ยังไง ไม่ถูก
เท่ากับว่าสิ่งที่ตอนนี้เสื้อแดงกำลังพยายามล่ารายชื่ออยู่ แม้ว่าจะยื่นมาตามช่องทางก็ไม่ได้
พล.อ.พิจิตร -ลองคิดดูสิว่าถูกไหม คือไปลบล้างอำนาจของพระเจ้าอยู่หัว ทำไม่ได้ ไม่ถูกต้อง มองด้วยความเป็นธรรม ผมพูดนี่ไม่ได้พูดในฐานะเป็นองคมนตรี พูดในฐานะเป็นทหาร ก็เรียนหนังสือมาจนจบได้ปริญญาก็แค่นี้ แต่ทำไม... บ้านเรามีการปกครองเรายึดถือทหาร เรายึดถือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพราะฉะนั้น ถ้าอะไรมันไม่ถูกไม่ต้อง เราไปวุ่นวายมันก็ยุ่งก็แค่นี้ ทำไมถ้าตาสีตาสาถูกลงโทษศาลตัดสินต้องมารับโทษใช่ไหม ทำไมคนนี้ไม่ต้องรับโทษ
แสดงว่าตามหลักก็คือคุณต้องกลับมารับโทษก่อน
พล.อ.พิจิตร -ใช่ แล้วจะมาขอพระราชทานอภัยโทษมันถูกที่ไหน ไม่ถูก บ้านเมืองเรายังมีสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทำอย่างนี้จะล้มราชบัลลังก์หรือไง
ล่าสุด ฝ่ายการเมืองเองจะออกมาต้านกลุ่มที่ล่ารายชื่อ ท่านห่วงไหมว่าจะเกิดความแตกแยกของ 2 กลุ่ม
พล.อ.พิจิตร - ใช่แน่นอน มันต้องเกิดแน่ กำพืดของเราเป็นคนไทยใช่ไหมคุณ มองอย่างนี้สิมองให้ซึ้ง ผมเดินทางไปต่างประเทศไปเรียนต่างประเทศมั่นใจอย่างหนึ่งในการพัฒนาประเทศ ผมเขียนเอกสารวิจัยเมื่อปี 28 ได้รางวัลดีเด่นปัจจัยในการพัฒนาตั้งแต่หมู่บ้านจนถึงประเทศมีปัจจัย “4M-1D” M ตัวแรก Man ประเทศไทยเป็นประเทศเก่าแก่เกือบ 800 ปี มีครบหมดแต่เหลียวไปดูรอบๆบ้านเรา ประเทศที่เกิดใหม่ สิงคโปร์ มาเลเซีย มันเลยหน้าเรา และถ้าเราไม่ระวังให้ดีเราจะแพ้ลาว เขมร เพราะเราไม่ได้เน้น M ตัวแรก เราเน้นแต่สิ่งก่อสร้าง ถนนหนทางเต็ม ขยายถนนทำสะพานลอย แต่คนเราปฏิบัติตามกฎข้อบังคับไหม ตรงนี้สิผมอยากจะทำความเข้าใจ เราไม่ได้ทำ
แสดงว่าตอนนี้การให้ความรู้กับประชาชนที่กำลังถกเถียงกันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
พล.อ.พิจิตร -ใช่ คือเราต้องให้เขารู้ว่าบ้านเรามีอายุเท่าไหร่ มีที่มาอย่างไร
ทรัพยากรมนุษย์ยังไม่มีองค์ความรู้ที่ดี เลยทำให้เกิดการเคลื่อนไหว
พล.อ.พิจิตร -ใช่ ศึกษาเปรียบเทียบเรียกว่าเรามีอะไรเค้ามีอะไร ผมไปเรียนอยู่ต่างประเทศผมไม่ได้เรียนแค่วิชาเขา ผมศึกษาว่าชาติเกิดใหม่ในอเมริกา 200 ปี มันเป็นมหาอำนาจในโลก มหาอำนาจทางเศรษฐกิจ แล้วผมไปดูรอบๆ อย่างสิงคโปร์ มันเลยหน้าเราแล้วคิดบ้างหรือเปล่า คุณยืนหน้าเชิงตะกอนเผาศพ คุณเคยนึกไหมคนเราก็มีแค่นี้ เกิด แก่ เจ็บ และก็ตาย ร่างเอาไปได้ไหม กระดูกเอาไปไมได้ สตางค์ในปากยังเอาไปไม่ได้เลย ทำไมไม่คิดจะทำประโยชน์ให้บ้านเกิดเมืองเรา
เป็นห่วงไหมว่าตอนนี้มีบางกลุ่มพยายามเหมือนจะโจมตีสถาบันองคมนตรี
พล.อ.พิจิตร -ผมไม่กลัว แต่ถ้ามาพูดต่อหน้าผม ผมจะตอบโต้อย่างทหารเก่า ถ้าหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ผมอาจจะทิ่มหน้าเขาเลย เพราะว่าผมสาบานมาจนถึงขนาดนี้ ก็ยังทำเพื่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ถ้าใครมาล่วงล้ำอย่างนี้ไม่ได้
แต่ว่าบางกลุ่มขณะนี้ที่ออกมาบอกว่าเขาทำเพื่อชาติ โดยเคลื่อนไหวไปในรูปแบบต่างๆ
พล.อ.พิจิตร -ไม่ ทำเพื่อชาติยังไง ผมบอกพูดด้วยเหตุผลนี่ว่ามันถูกที่ไหน มีอดีตทูตอเมริกันมาเจอผม 2 หน เขาก็จำผมได้ เขาก็ถามว่าอดีตนายกรัฐมนตรีอยู่ที่ไหน ผมก็ต้องไขสือทำไม่รู้ เขาว่าอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก อยู่ใกล้ๆกับสหรัฐ และเป็นที่ฟอกเงิน เงินที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายของประเทศนั้นๆเขาจะไปฝากไว้ที่นั่น แล้วผมถามว่าแล้วอดีตนายกรัฐมนตรีของเรา เอาไปฝากไว้เหรอ ผมไม่อยากเอ่ยชื่อนั้น..พูดว่านาย ก. คุณรู้ไหมเขาบอกเท่าไหร่ หมื่นล้าน และก็เราพูดในที่ประชุมองคมนตรี องคมนตรีท่านหนึ่งบอกอย่าไปเอ่ยชื่อคนนั้นเลย แต่บอกว่าไม่ใช่หมื่นล้าน เป็น 1.8 หมื่นล้าน และที่เคลื่อนไหวอยู่นี่ก็เพราะอย่างนี้
นี่คือล่าสุดตัวเงินที่ยังมีอยู่ใช่ไหม
พล.อ.พิจิตร -ใช่ ก็ที่เขาหย่ากับภรรยาและให้ลูกเขามาจัดการ นี่ไงคุณนึกว่าเขาเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ไม่กี่ปี มีเงินแค่นี้เขาทำได้ยังไงอย่านึกว่าความลับมีในโลก ไม่มีนะ อะไรที่คนทำมา อะไรที่โกงบ้านโกงเมือง อย่านึกว่าคนอื่นเขาไม่รู้นะ และเขาเตรียมอันนี้ไว้ทำไมและนี่ก็คือคำตอบ