กมธ.พิทักษ์สถาบันฯ บี้รัฐจัดการเสื้อแดง - “คำนูณ” ย้ำบ้านเมืองไม่ปกติ

กมธ.พิทักษ์สถาบันฯ เรียกนายกฯ ชี้แจง มาตรการระงับเสื้อแดงล่าชื่อถวายฎีกาหมิ่นเหม่ละเมิดในหลวง “คำนูณ” ย้ำประเทศอยู่ในภาวะไม่ปกติ แต่กำลังทำสงครามกับพวกโค่นล้มกษัตริย์ จี้ใช้กฎหมายที่มีอยู่จัดการทันที พร้อมใช้สื่อของรัฐให้ข้อมูล ปชช. เผย “มาร์ค” น้อมรับข้อเสนอ แต่อ้างมีข้อจำกัด เป็นเรื่องละเอียดอ่อน หวั่นฝ่ายตรงข้ามนำไปขยายผล

วันนี้ (29 ก.ค.) ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการเกี่ยวกับการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา ที่มี พล.อ.อ.นพฤษภ์ มัณฑะจิตร ส.ว.สรรหา เป็นประธานฯ เพื่อหารือถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงล่ารายชื่อยื่นถวายฎีกาเพื่อขออภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยและผู้ต้องหาคดีทุจริตที่อยู่ระหว่างหลบหนี โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมด้วย เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ซึ่ง พล.อ.อ.นพฤษภ์ แถลงภายหลังการประชุมว่า คณะกรรมาธิการได้เชิญนายกฯ เข้าชี้แจง ถึงการดำเนินการของรัฐบาลกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงล่ารายชื่อถวายฎีกา ซึ่งรัฐบาลดำเนินการอย่างล่าช้า กรรมาธิการฯ กังวลต่อท่าทีของรัฐบาล โดยเฉพาะประชาชนที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มีความไม่สบายใจ จึงขอให้ดำเนินการตามกฎหมาย ให้หลีกเลี่ยงไม่ให้สถาบันเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง โดยประชาชนต้องไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย

นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา เลขานุการคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า คณะกรรมาธิการฯได้รายงานผลการศึกษาในระยะเวลา 6 เดือนให้นายกฯ รับทราบ โดยเห็นว่าสถานการณ์การละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์หรือหมิ่นเหม่ว่าจะละเมิด ขณะนี้ถือว่าประเทศอยู่ภาวะสงครามโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยมีคนกลุ่มหนึ่งประสานแนวรบทุกด้านทั้งมวลชน สภา และสื่อสารมวลชนในรูปแบบต่างๆ เป็นการรุกทางการเมืองด้านข่าวสาร โดยสร้างนวัตกรรมใหม่ๆขึ้นทั้งการถวายฎีกา การจัดงานวันเกิด การจัดกิจกรรมใกล้ไกลกังวล เรื่องเหล่านี้รัฐบาลต้องตระหนักว่าไม่ใช่สถานการณ์ปกติ แต่เป็นสถานการณ์ของสงคราม ดังนั้น รัฐบาลจะต้องใช้หลักนิติรัฐ บังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่ ทั้งประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ.ความมั่นคง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

นายคำนูณกล่าวว่า รัฐบาลจะต้องรุกทางการเมือง และสังคม โดยชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งไม่ใช่เป็นการแทรกแซงสื่อ แต่เป็นการให้ข้อเท็จจริงต่อประชาชน โดยรัฐบาลจะต้องเร่งทำทันที เพราะที่ผ่านมามีความล่าช้ามาก และข่าวสารไม่ถึงประชาชน นอกจากนี้จะต้องทบทวนบุคคลกรที่เกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ นายกฯ ก็เห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของคณะกรรมาธิการฯ และน้อมรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ โดยจะนำมาปรับปรุง โดยเฉพาะการรุกทางด้านสื่อ หากเป็นไปได้ นายกฯ ควรใช้รายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” นำประเด็นต่างๆ และปัญหาของบ้านเมืองมานำเสนอให้ประชาชนมากกว่าการนำเสนอแต่เรื่องรูทีน (ข่าวประจำวัน) แม้ว่าจะเป็นการประชุมลับแต่เนื้อหา 70-80% นายกฯ สามารถพูดจาให้ประชาชนรับทราบได้

นายคำนูณกล่าวว่า นายกฯ ได้ใช้เวลา 15 นาทีเพื่อชี้แจงถึงสิ่งที่รัฐบาลได้ชี้แจง และย้ำว่ารัฐบาลมีความตั้งใจ แต่ต้องขออภัยบางเรื่องที่รัฐบาลดำเนินการไม่ทันใจ แต่ยืนยันว่ารัฐบาลรู้ ตระหนัก ไม่ใช่ว่าไม่ทำ แต่ก็มีข้อจำกัดไม่สามารถที่จะทำได้ เนื่องจากเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ทั้งนี้ การดำเนินการจะต้องอยู่บนพื้นฐานไม่ตกเป็นเหยื่อให้ฝ่ายตรงข้ามนำไปขยายผล

น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี กล่าวว่า ได้สอบถามนายกฯ ว่า วันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมามีกลุ่มเสื้อแดงจำนวน 600-700 คน ได้ไปรวมตัวเพื่อล่ารายชื่อบริเวณบ้านพักเซนต์จอห์น ใกล้วังไกลกังวล โดยมีการเคลื่อนตัวประชิดทำให้ชาวหัวหินตกใจ จึงได้เรียกร้องประชาชนที่อยู่จังหวัดใกล้เคียงทั้งจาก จ.เพชรบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี สมุทรสงคราม ได้ 500-600 คน เพื่อไปขัดขวางกลุ่มเสื้อแดงไม่ให้เข้าใกล้พระราชวังฯ เพราะเป็นเขตพระราชฐาน และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่ด้วย และทราบว่านายกฯ ก็ได้เข้าเฝ้าฯ ด้วย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำอะไรก็ไม่รู้ ไม่เข้าไปดูแลสถานการณ์ กลับไปสกัดกั้นกลุ่มที่เข้าไปขัดขวางกลุ่มเสื้อแดงที่มีการพกพาอาวุธด้วย