"ไพศาล" ระบุจับ "นช.แม้ว" เป็นหน้าที่อัยการ อย่าปัดให้ รมว.ต่างประเทศฝ่ายเดียว เตือนสติศัตรูเต็มเมืองอย่าฝันกลับคืนตำแหน่ง เหตุเซอร์ไพรส์หนีไม่พ้นเรื่องอภัยโทษ เผยหมอดูชวนเชื่อพระจันดับหวังหลอกกินเงิน ขณะที่ "รศ.ดร.ชัยชนะ" ยี้ บิ๊ก เซอร์ไพรส์ โฆษณาชวนเชื่อ ชี้เหตุป่วนดิ้นรนเอาชีวิตรอดเหมือนเสือติดจั่น ระบุสื่อโหมโรงเชลียเพราะหวังผลประโยชน์
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "คนในข่าว"
รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-21.30 น. วันที่ 21 กรกฎาคม โดยนายเติมศักดิ์ จารุปราน เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งได้รับเกียรตินายไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และรศ.ดร.ชัยชนะ อิงควัต อาจารย์ประจำคณะรัฐศาศตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มาร่วมพูดคุยถึงปัจจัยที่อาจทำให้เกิดจุดเปลี่ยนของสังคมในคดีลอยยิงนายสนธิ และเหตุเซอร์ไพรส์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
นายไพศาล กล่าวว่า การที่สื่อมวลชนพยายามขุดคุ้ยหาค้นตอตัวบงการในคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตลอดในช่วงที่ผ่านมา จนขณะนี้เชื่อประชาชนรู้แล้วว่าใครเป็น และปฎิบัติการกันอย่างไร เหลือเพียงการหาหลักฐานมัดตัวคนร้ายให้แน่นหนายิ่งขึ้น ก่อนจะนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ดีอย่าเพิ่งด่วนไปดีใจ เพราะวันนี้ก็มีกระแสโต้แย้งเข้ามาอย่างหนักหน่วง เช่นกล่าวหาว่ามีการปั้นพยานหลักฐาน การเดินงานเริ่มหยุดชะงัก จากก่อนที่บอกว่าในอาทิตย์นี้จะมีการออกหมายจับเพิ่มนับ 10 คน ก็เงียบหายไป และขณะนี้นี้ผู้ที่เกี่ยวข้องก็ไม่มีตัวตนหายไปหมดแล้ว
อย่างไรก็ดีแม้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะการันตี ว่า ต้องชำระความสกปรกในบ้านเมือง แล้วสร้างความดีงามให้เกิดขึ้นในสังคมไทย แต่เรื่องพวกนี้มันทำคนเดียวไม่ได้ วันนี้นายกฯ ได้ออกหน้าหลายเรื่องแล้ว ขณะที่พลรอง รอบตัวท่านหายหน้าหมด มิหนำซ้ำยังมีท่าที่เหมือนขัดขวางอีกต่างหาก ดังนั้นถ้าเป็นอย่างนี้นายกฯ ก็คงจะเหนื่อย แต่เชื่อว่าท่าน จะตั้งหน้าทำต่อไป ซึ่งมันอาจจะมีผลกระทบกับชะตากรรมของรัฐบาลด้วยหรือไม่ คิดว่านายกฯ ก็คิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ถึงได้แก้ๆกังๆ จนทำให้การจะออกหมายเรียกใครมาอีกก็ชะงัก อย่างไรก็ดีเชื่อในฝีมืของ พล.ต.อ. ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ที่จะสะสางคดีนี้ให้ลุร่วงไปได้ แม้จะมีอุปสรรค์มาขวางกั้น อีกทั้งความร่วมมือที่ดูเหมือนจะมากแม้แต่ก็มีผู้ทำงานจริงแค่ 4-5 คน ดังนั้นเรื่องนี้มันเป็นสิ่งท้าทายต่อความเป็นธรรมรัฐ ท้าทายต่อความเป็นผู้นำของพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าเรื่องนี้ยังหาตัวใครไม่ได้ ความหวังที่จะเป็นรัฐบาลอีกก็ดูเหมือนจะล่องลอยออกไปทุกที
นายไพศาล กล่าวต่อว่าไม่ใช่เรื่องยากหากจะสาวถึงผู้บงการระดับ บิ๊ก เพราะอาชญากรรมทั้งหลาย อาชญากรต้องทิ้งร่องรอยไว้เสมอ เหตุการณ์ลอบยิง นายสนธิ เกิดใจกลางกรุงเทพฯและภายใต้ประกาศสถานการณ์ภาวะฉุกเฉิน เหตุใดคนร้ายถึงเอาอาวุธสงครามเคลื่อนผ่านทหาร ที่ตรึงกำลังอย่างหนาแน่นในช่วงนั้นเข้ามาได้ ขณะเดียวกันหลังปฏิบัติการณ์เสร็จก็ถอยออกไปอย่างไร้ร่องรอย ตรงนี้ถือเป็นร่องรอยคนร้ายที่ทิ้งไว้ ว่า มือปืนที่ลอบยิงอยู่ในระดับที่ไม่ธรรมดา เพราะมือปืนหางแถวธรรมดาไม่สามารถทำได้ คดีนี้แม้จะไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่คนทั่วไปก็สามารถคาดได้ว่ากลุ่มไหน
“ส่วนการที่ รอง ผบ.ตร. บอกว่า เจอตอ แม้จะไม่บอกว่าเป็นใคร ก็พอเป็นที่คาดเดาได้ว่าต้องเป็นบุคคลระดับสูงกว่า รอง ผบ.ตร. และด้วยความสามารถของสื่อไทยที่สามารถหารายระเอียดมานำเสนอ ชนิดถ้าคนที่ติดตามข่าวอยู่เสมอก็สามารถประติบประต่อได้ว่า คนที่ รอง ผบ.ตร. พูดถึง ตอ นั้นหมายถึงใคร และการที่ รอง ผบ.ตร. ออกมาพูดเช่นนี้ถือเป็นการฟ้องประชาชน เพื่อตีฝ่าแรงกดดันจนสามารถออกหมายจับคนร้ายไปแล้วชุดหนึ่ง พอจะออกชุดที่สองก็ต้องสะดุดอีก เจอตออีกตอแล้ว” นายไพศาล กล่าว
นายไพศาล กล่าวถึงนายอภิสิทธิ์ ว่า ตอนเข้าเป็นรัฐบาลใหม่ๆ อาจจะด้วยอายุและประสบการณ์ยังน้อย เชื่อว่าตอนนั้นยังไม่คุ้นเคยกับอำนาจ แม้จะถือกระบี่วิเศษก็มีค่าเหมือนถือกิ่งไม้ เพราะยังใช้ไม่เป็น แต่วันนี้เชื่อว่านายกฯเริ่มรู้จักการใช้อำนาจมากขึ้น แต่อาจเป็นเพราะความเกรงใจ คิดหน้าคิดหลัง วางแผนทางหนีที่ไล่เลยต้องคิดมากหน่อย ทำให้ช้าไป อย่างไรก็ดีเชื่อมั่นว่าตอนนี้นายกฯใช้อำนาจเป็นแล้ว ประกอบกับที่บอกว่า “รู้แล้ว ไม่ว่าใครใหญ่แค่ไหนก็ไม่อยู่เหนือกฎหมาย” ตรงนี้ถือเป็นการย้ำว่าเอาจริงแน่ ต่อไปก็เหลือขั้นปฎิบัติการณ์ คิดว่าในไม่กี่วันคงได้เห็นคนร้ายที่เหลือ
“ถ้าหากมีการสืบสาวราวเรื่องจนฉีกหน้ากากสังคมได้เป็นขบวนการ ถือว่าหน่วยงานสำคัญในบ้านเมืองมันเหลวแหลกแล้ว แทนที่จะเป็นองค์กรปกป้องประชาชน กลับกลายเป็นองค์กรอาชญากรรมไปแล้ว เช่นนี้สังคมไทยจะเหลืออะไร ฉะนั้นมันมาถึงจุดท้าทาย ถ้าไม่ชำระสิ่งสกปรกออกไปจากองค์กรเหล่านี้ รัฐบาลนี้จะอยู่ไม่ได้ สังคมไทยก็อยู่ไม่ได้ มันถึงจุดที่การเมืองใหม่จะอุบัติขึ้นแน่นอนแล้ว” นายไพศาล กล่าว
นายไพศาล กล่าวว่าคดีจับตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาลงโทษไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของกระทรวงการต่างประเทศ คนที่มีหน้าที่คืออัยการ อย่างไรก็ดีที่ผ่านมาดูเหมือนว่ารัฐบาลไม่ไดตั้งความหวังไว้กับอัยการเลย เพราะปัจจุบัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ต้องใช้วิธีการประสานงานรอบข้างเพียงอย่างเดียว ซึ่งก็ได้ผล โดยจะเห็นได้จาก ตอน พ.ต.ท.ทักษิณ ออกประเทศใหม่ๆ จะมีข่าวออกมาตลอดว่าอยู่ไหน แต่ช่วงหลังๆจากที่เคยไปไหน มาไหนมีเกียติมีศักดิ์ศรี วันนี้ได้กลายเป็นนักโทษหลบหนีคดีอย่างเต็มตัวแล้ว ไม่สามารถเผยแพร่ให้สังคมรับรู้ได้ว่าอยู่ที่ไหน เพราะอาจถูกจับได้ ตรงนี้คือผลสรุปว่าที่ผ่านมาว่าการกระทำในอดีตของ พ.ต.ท.ทักษิณ มันผิดหรือถูก คนมีสติหน่อยก็จะเข้าใจได้ และยากที่จะกลับมามีอำนาจได้อีก เพราะครั้งที่พรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาล มีคนครึ่งค่อนประเทศไม่ยอมให้ปกครอง ตรงนี้ถือเป็นบทเรียนได้อย่างดี ฉะนั้นใครที่คิดจะขึ้นมาปกครองบ้านเมือง แม้มีคนแค่ห้าเปอร์เซ็นต์ของประเทศไม่เอาด้วยก็ขึ้นปกครองไม่ได้แล้ว เคยมีคนเปรียบเทียบในทางการเมืองว่า มีมิตรร้อยคนยังน้อยไป มีศัตรูหนึ่งคนมากไป แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ศัตรูมากมายมหาศาล ฉะนั้นเชื่อได้ว่าโอกาสจะกลับมายากมาก
นายไพศาล กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดว่าจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ในวันเกิด หนี่ไม่พ้นจากเรื่องขออภัยโทษ หรือจะมีใครต่อใครเอาของขวัญไปให้ แล้วจะใช้คนเหล่านั้นเป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์ เช่นอาจมีแกนนำเสื้อเหลืองส่งดอกไม้ไปอวยพรวันเกิด หรืออาจมีการสร้างภาพเดินขบวนหลายพันคนเดินทางไปยื่นถวายฎีกา เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ ส่วนที่พูดว่าจะจัดทำโครงการณ์ต่างๆตอบแทนสังคม เช่น จ้างติวเตอร์มาสอนนักเรียนไทยฟรี เรื่องนี้ไม่น่าเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ เพราะจะเป็นการจี้แผลเก่า ตอนที่อออจากมืองไทยใหม่ๆ ก็บอกว่าจะตั้งมูลนิธิ จะทำนู่นทำนี่ ถึงวันนี้ยังไม่ปรากฎกิจกรรมช่วยเหลืออะไรเลย
“เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 22 คือ พระจันทร์ดับกับพระอาทิตย์ดับ เหตุการณ์อย่างนี้เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติไม่ใช่เรื่องอัศจรรย์ และเรื่องดังกล่าวเขาไม่ใช้ในการพยากรดวงเมืองหรือดวงคน แต่คนบางจำพวกใช้คำว่าพระอาทิตย์ดับ พระจันทร์ดับ เป็นเรื่องใหญ่ให้คนกลัว เพื่อเป็นช่องทางทำมาหากิน อย่างไรก็ดีเชื่อว่ารัฐบาลชุดอยู่ได้ครบเทอม ไม่น่าจะมีเหตุยุบสภาฯ เพราะดูจากฤกษ์วันที่โปรดเกล้าแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี วันนั้นเป็นวันที่ฤกษ์ที่ดีที่สุดในปี” นายไพศาล กล่าว
รศ.ดร.ชัยชนะ กล่าวว่า สังคมไทยหลีกไม่ได้ที่จะมีทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยตลอด 76 ปีที่มีประชาธิปไตย ทหารเข้ามาทำรัฐประหารกว่า 10 ครั้ง ช่วงหลังก็เปลี่ยนโครงสร้างเนื่องจากกลุ่มทุนเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าช่วงหลังกลุ่มทุนสามารถเข้าไปล้วงลูกโครงสร้างระบบราชการได้ ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทหารกับนายทุนย่อมต้องมี ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากคดีลอบยิงนายสนธิ จะเจอตอ และเหตุการณ์ที่เกิดกับนายสนธิ เหมือนเป็นการเอาตัวเข้าไปบูชายัน เพื่อให้เห็นความชั่วร้ายของสังคมไทย ว่าโครงสร้างคนที่เขามีตำแหน่ง เบื้องหลังเป็นคนที่มียศถาบรรดาศักดิ์ ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นคนดีหรือทำแต่ความดีเสมอไป จริงๆเรื่องนี้คนไทยต้องเข้ามาช่วยกันแก้ไข ไม่ใช่ปล่อยให้ นายสนธิ ต้องเสียเลือดเสียเนื้อเพียงลำพัง
รศ.ดร.ชัยชนะ กล่าวถึงกรณี ลอบยิงนายสนธิ หากมีการสืบมาใกล้ตัวผู้บงการระดับบิ๊ก อาจเกิดทำให้เกิดการรัฐประหาร ว่า เรื่องรัฐประหารทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าแม้ว่าที่ผ่านมา พ.ศ. 2549 คนจะให้กำลังใจ ท้ายสุดก็ล้มเหลวในเรื่องการเปลี่ยนแปลง เพราะยังอยู่ในระบบโครงสร้างการเมืองแบบเดิมๆ ดังนี้ถ้าคนไทยเป็นสังคมประชาธิปไตย ต้องยอมรับกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลง หากไม่เอาตัวเองเข้าไปผูกกับการเปลี่ยนแปลง ถ้าผลการสืบสวนปรากฏออกมาว่าใครคือตัวบงการ แล้วยังจะเชื่อระบบการเมืองแบบเดิมๆที่เป็นอยู่นี้อีกหรือ อย่างไรก็ดียังมีคนสนับสนุนทั้งที่เห็นอยู่ว่าเป็นอย่างไร ไม่เชื่อว่าเงินจะสามารถซื้อมนุษย์ได้ และคิดว่าหลายคนไม่เห็นด้วยกับปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เราขาดความกล้าหาญทางจริยธรรม ที่ต้องแสดงออกให้ชัด ไม่เช่นนั้นใครที่ขึ้นมาถ้าเขาได้ประโยชน์ก็จะอยู่อย่างนั้น ฉะนั้นการเมืองใหม่ทุกวันนี้ ประชาชนต่างตั้งข้อสงสัยว่าจะเปลี่ยนแปลงนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่าหรือไม่ อย่างนี้ต้องถามกลับว่า จริงๆ สิ่งที่เป็นอยู่เก่ามันดีแล้วหรือ หากยังไม่กล้าเสียงที่จะรู้ว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ก็เหมือนกับยอมพ่ายแพ้เสียตั้งแต่ยังไม่ได้ลงแข่ง
“การที่ทักษิณ ประกาศวันที่ 26 นี้ จะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ ที่ต้องการทดสอบสมองของนายกฯ เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ ไม่คิดว่ามีอะไรใหม่ เพียงเพื่อทำตัวให้เป็นข่าว เช่นเดียวกับละครต่างๆที่ปรากฏอยู่ ละครน้ำเน่า ซึ่งเราก็ดูกันอยู่อย่างนั้น ดังนี้ต้องหันมาพิจารณาตัวเอง ส่วนประเด็นทดสอบสมองของรัฐมนตรี อาจกระทบในเรื่องของรัฐบาล ว่า จะแสดงจุดยืนอย่างไร” รศ.ดร.ชัยชนะ กล่าว
รศ.ดร.ชัยชนะ กล่าวว่า การที่มีสื่อออกมาเป็นว่าเล่นเพื่อเชียร์สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องปกติเพราะคนรอบข้างของผู้มีเงินมักมีพวกสอพลอเยอะหากเขาได้ประโยชน์ และสังคมเรานิยมบูชาตัวบุคลมากกว่าเรื่องของระบบ เมื่อไรสังคมไทยยังเป็นอย่างนี้คิดว่าประชาธิปไตยเกิดขึ้นยาก เพราะอย่างเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนบอกว่าคนๆนี้เท่านั้นที่ทำให้ชาติมั่นคง ยิ่งเศรษฐกิจตกต่ำแบบนี้ก็บอกว่าเป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่อยู่ หลายเรื่องไม่ได้เข้าไปหาความจริง เช่น เรื่องหนี้ IMF ไม่ได้ปลดหนี้เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนปลด แต่คนทั่วไปเข้าใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนทำ ลักษณะแบบนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของสังคมไทยในด้านการสื่อสาร
“พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนเสือติดจั่น พยายามทำทุกวิธีทางเพื่อให้ตัวเองรอด สิ่งที่พูดออกไปไม่มีน้ำหนัก ต่อให้มีคนร่วมลงชื่อถวายฏีกาเป็นล้านๆ ก็ไร้ค่าเพราะถือว่าตายทางการเมืองแล้ว และเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับขึ้นมามีอำนาจอีก แต่สาเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังพยายามดิ้นรนต่อสู้อยู่นั้นเนื่องจาก สังคมไทยเวลาใครมีอำนาจยกย่องกันเกินไป จนเขาคิดว่าเขาสูญเสียมาก จึงต้องรุกขึ้นต่อสู้ หวังกลับมามีอำนาจเหมือนเดิม ซึ่งตรรกะของความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้แล้ว ถ้ายังขีนคิดอย่างนี้ต่อไป ถือเป็นเป็นกรรมเวรของเขาโดยแท้” รศ.ดร.ชัยชนะ กล่าว