“อภิสิทธิ์” เผยกรรมการสภาพัฒน์ขอต่อเวลา 30 วัน ก่อนสรุปส่ง ครม. พร้อมขอข้อมูล ก.คมนาคม ประเด็นเส้นทางทับซ้อนรถร่วม-จำนวนผู้โดยสาร แย้มอาจไม่ “เช่า-ชื้อ” ข้อเสนอใหม่ อาจตั้งบริษัทลูกเช่าชื้อแทน ยัน “ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย” ยังกอดคอร่วมกันทำงาน ยังไม่ตาย ลั่นทุกโครงการต้องรับผิดชอบร่วมกัน
วันนี้ (30 มิ.ย.) นาอยภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการศึกษาการเช่า-ชื้อรถเมล์ 4,000 คันว่า ทางกรรมการสภาพัฒน์ได้รายงานผลการทำงานมา ซึ่งครบกำหนดเวลา 30 วัน โดยเสนอว่าข้อแรกยังมีข้อมูล ซึ่งเป็นสมมติฐานของโครงการที่ยังมีความจำเป็นจะต้องได้รายละเอียดเพิ่มเติมแลกเปลี่ยนกับทางกระทรวงคมนาคม โดยเฉพาะเรื่องของเส้นทางและจำนวนผู้โดยสาร ประเด็นที่สองเรื่องนี้ยังคาบเกี่ยวกับเรื่องของรถร่วมเพราะต้องมีการกำหนดให้ชัดเจนหากทำโครงการใหม่ที่จะเข้ามาวิ่งแล้ว ซึ่งจะมีการเปลี่ยนเส้นทาง ระบบตั๋ว ผลกระทบกับความทับซ้อนต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับรถร่วมเป็นประเด็นที่จะต้องนำมาพิจารณาประกอบกับด้วย
“ประเด็นที่ 3 เมื่อเป็นอย่างนี้ รูปแบบของการดำเนินโครงการน่าจะมีทางเลือกเพิ่มเติมขึ้นมานอกเหนือจากการเช่าหรือซื้อ อาจจะอยู่ในรูปแบบการเช่าหรือซื้อ โดยบริษัทลูกก็เป็นได้หรืออาจเป็นลักษณะการแบ่งเส้นทางในการทำโครงการก็ได้ ทั้งหมดนี้จำเป็นต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเพิ่มเติม ซึ่งทางกระทรวงคมนาคมก็ยินดีที่จะจัดให้ ทางคณะกรรมบอกว่าเมื่อได้ข้อมูลจากกระทรวงคมนาคมก็จะพิจารณาให้เสร็จภายใน 30 วัน ซึ่งผมย้ำว่าเพียงพอหรือไม่ ก็ยืนยันกับผมว่า นับจากวันที่กระทรวงคมนาคมส่งประเด็นข้อมูลเหล่านี้ได้ 30 วันกรรมการสภาพัฒน์จะทำข้อเสนอมาให้คณะรัฐมนตรีได้ แต่ทางกระทรวงคมนาคมไม่ได้บอกว่าจะส่งข้อมูลให้สภาพัฒน์ได้เมื่อไร แต่กระทรวงคงจะทำให้เร็วอยู่แล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อถามว่า จำนวนรถเมล์ยังคงไว้ที่ 4,000 คันเหมือนเดิมหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังไม่ได้ลงถึงเรื่องจำวน เพราะต้องดูตัวโครงการ โดยตั้งต้นจากสมมติฐานเรื่องเส้นทางและผู้โดยสารให้ชัดเจนก่อน จากนั้นจึงจะสามารถทอนออกมาเป็นเรื่องจำนวนรถ การซื้อ การเช่า การตั้งบริษัทลูกจะเป็นคำตอบตามมาอีกที
เมื่อถามว่า ทางกระทรวงยังยืนยันว่าการเช่าดีที่สุด นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นความเห็นของกระทรวงที่เสนอมาตั้งแต่ต้น เมื่อ ครม.เสนอให้กรรมการสภาพัฒน์กลั่นกรองกระทรวงก็ต้องส่งข้อมูลไป สภาพัฒน์ก็ทำข้อเสนอมา เมื่อถามว่าทางกระทรวงคมนาคมจะยอมรับผลของสภาพัฒน์หรือเปล่า นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ที่สุดทุกคนต้องรับผลคณะรัฐมนตรี
เมื่อถามว่าความล่าช้าจะส่งผลกระทบต่อพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ครับ ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับพรรค แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวโครงการว่าทำอย่างไรให้ดีที่สุด ตนเชื่อว่าทุกพรรคการเมืองต้องการให้โครงการนี้เมื่อออกมาแล้วเป็นโครงการที่ประชาชนมั่นใจว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
เมื่อถามว่า ทางพรรคภูมิใจไทยออกมาระบุว่าถ้ารัฐบาลไม่ให้เตรียมกอดคอกันตาย นายกรัฐมนตรีกล่าวแย้งว่า คนละเรื่อง เมื่อถามว่าความสัมพันธ์ระหว่างพรรคระหว่างประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังอยู่ด้วยกันกอดคอกันดี และไม่ตายด้วย เมื่อถามว่า ทำไมยังมีปัญหาเรื่องงบประมาณที่จะนำลงพื้นที่ภาคอีสาน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทุกอย่างอยู่ที่เหตุผล คำว่ากอดคออยู่ด้วยกันต้องกอดคออยู่ด้วยกันในการทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นการตัดสินใจว่ามาทำงานร่วมกันแล้วก็ต้องร่วมกันรับผิดชอบ ซึ่งความเห็นอาจจะแตกต่างกันในบางเรื่อง เมื่อแตกต่างกันก็มาหาข้อยุติกันในที่ประชุมของ ครม. เพราะทุกโครงการเราต้องการให้มีความมั่นใจ จริงๆ แล้วถามว่าหากเป็นโครงการที่ทำแล้วประชาชนชอบใจ ถามว่ามีพรรคการเมืองไหนไม่อยากทำ ก็ต้องอยากทำทุกพรรค ก็ต้องรอบคอบและต้องยอมรับบางทีโครงการทำไปร้อยผิดแค่ 10 แต่ 10 นั้นเป็น 10 ที่ประชาชนรับรู้และเกิดปัญหาเราต้องป้องกันให้ดีที่สุด
