“โฆษกมาร์ค” เย้ย “เป็ดเหลิม” อภิปรายกลางสภา หาสาระไม่ได้ ซัดเก่งแต่ยกหางตัวเอง เข้าตำรา “กินของขม ชมเด็กสาว เล่าความหลัง” ชี้ ข้อเรียกร้องหาแต่ผลประโยชน์ตัวเองไม่เกิดผลดีกับประชาชน
วันนี้ (17 มิ.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย อภิปรายพาดพิงถึงตน โดยหลีกเลี่ยงการระบุชื่อของตนโดยตรง ซึ่งไม่สามารถใช้สิทธิพาดพิงในสภาได้ แต่ก็ได้ทนฟังการอภิปรายดังกล่าวจนจบ เป็นการใช้ลีลาในการปราศรัยหาเสียงมากกว่าการอภิปรายในสภา มีการตีสำนวนโวหารมากกว่าเนื้อหาสาระ สร้างความผิดหวังให้กับผู้ที่รอคอยตามที่โฆษณาไว้ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเล่าประวัติของตัวเองในอดีตเช่นทุกครั้งที่มีการอภิปราย แสดงให้เห็นว่า พฤติกรรม ของ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นพฤติกรรมของคนแก่ ไม่สามารรถเปลี่ยนแปลงได้ เข้าตามตำรา กินของขม ชมเด็กสาว เล่าความหลัง ส่วนการวิเคราะห์ พ.ร.บ.งบประมาณนั้น ก็ไม่ได้ใช้หลักวิชาการทางเศรษฐศาสตร์ แต่กลับอวดอ้างตัวเองเป็นกูรูด้านนี้ อภิปรายภาษาไทยคำ อังกฤษคำ สลับกันไป เที่ยวสอนนายกรัฐมนตรีที่เรียนด้านนี้มาโดยตรง ไม่ต่างอะไรกับการสอนหนังสือสังฆราช โดยไม่ละอายตัวเอง ตลอดเวลาที่อภิปรายใช้เวลาสรรเสริญเยินยอ พ.ต.ท.ทักษิณ ดั่งผู้วิเศษ และเชื่อว่า เป็นการหวังผลสร้างกระแสในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ในภาคอีสาน โดยใช้การอภิปรายครั้งนี้เป็นการหาเสียงทางอ้อม
นายเทพไท กล่าวต่อว่า และข้อเรียกร้องของ ร.ต.อ.เฉลิม ล้วนแล้วเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ทั้งนั้น อาทิ 1.ฝันที่จะเป็นนายกฯแม้จะเป็นแค่ 6 เดือนก็เอา 2.ต้องการแก้ไขกฎหมายเพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ให้กลับมาเล่นการเมืองต่อ 3.ขอออกรายการผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชน ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่กล้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ข้อเสนอทั้งหมดล้วนแล้วแต่พูดเพื่อประโยชน์ของตัวเอง แต่ไม่มีผลประโยชน์โดยรวมของชาติบ้านเมืองและประชาชนแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ยังใช้โอกาสนี้ดูถูกเหยียดหยามทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โดยท้าทายว่า ตนเองมีความรู้ความสามารถจบปริญญาเอก เป็นดอกเตอร์ทางกฎหมาย ซึ่งสูงกว่าทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ที่ตั้งฉายาให้ว่าเป็นเป็ดง่อยนั้น ก็ต้องยอมรับว่า ร.ต.อ.เฉลิม มีความรู้สูงกว่าตนที่จบแค่ปริญญาโท แต่เชื่อว่า ความนึกคิดด้านจริยธรรม คุณธรรม ตนมีสูงกว่า ร.ต.อ.เฉลิม แน่นอน