“สาทิตย์” เมินภูมิใจไทย กดดันการทำงาน ยิ้มร่าพร้อมยอมรับคำวิจารณ์ ลั่นต้องใจกว้างยอมรับฟังเสียง ย้ำเป็นหลักประชาธิปไตย ไม่หวั่นเป็นเกมกดดันต่อรองให้ยุบสภา ลั่นอำนาจอยู่ที่นายกฯ คนเดียว ชูเป็นพรรคเก่าแก่อยู่มา 62 ปี ชี้ เจอมาทุกรูปแบบ
วันนี้ (8 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทย ประกาศเป็นพรรคอันดับหนึ่งในการเลือกตั้งครั้งหน้าว่า มองการเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ ทุกพรรคมีอิสระในการเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่ละพรรคจะมีรูปแบบ หรือทำกิจกรรมอย่างไรในพื้นที่เขามีสิทธิ์ที่จะทำได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีการนำโครงการของรัฐบาลไปวิจารณ์โยงการเมือง จะส่งผลกระทบต่อรัฐบาลหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า เมื่อมีการดำเนินการไปแล้ว แต่ละฝ่ายมีสิทธิ์ตรวจสอบได้ เหมือนกับการที่พรรคประชาธิปัตย์ไปเคลื่อนไหวทางการเมืองทุกฝ่ายตรวจสอบได้ ผลออกมาเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง
ส่วนกรณีที่ พรรคภูมิใจไทย ขึ้นป้ายยันการเช่ารถเมล์ 4 พันคัน จะมีผลกระทบกับรัฐบาลหรือไม่ และจะเป็นการกดดันการพิจารณาของคณะกรรมการสภาพัฒน์หรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ถือเป็นการให้ข้อมูล ซึ่งแล้วแต่มุมมองของคนที่ให้ข้อมูลว่าจะให้ข้อมูลทางใด และไม่คิดว่าจะเป็นการไปกดดันคณะกรรมการสภาพัฒน์ เพราะแต่ละท่านเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่ผ่านเรื่องกดดันมาเยอะแล้ว ในสภาพัฒน์เองใครๆ ก็รู้ว่าแรงกดดันทางการเมืองมันสูงทุกสมัย ปัจจุบันกรณีโครงการต่างๆ ที่ต้องใช้งบการลงทุนเกิน 1 พันล้าน ต้องผ่านสภาพัฒน์ทั้งสิ้น
เมื่อถามว่า มองการเคลื่อนไหวของ นายเนวิน ชิดชอบ และ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อย่างไร นายสาทิตย์ กล่าวว่า คิดว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เฉพาะ นายสมศักดิ์ กับ นายเนวิน ทุกพรรคก็เคลื่อนไหว พรรคเพื่อไทยก็เคลื่อนไหว เมื่อถามว่าการออกมาวิจารณ์การทำงานร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาล ถือว่าผิดมารยาทหรือเปล่า นายสาทิตย์ กล่าวว่า ไม่หรอก ระบอบประชาธิปไตยห้ามการวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ อยู่รัฐบาลเดียวกันวิพากษ์วิจารณ์กันได้ นี่เป็นเรื่องปกติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเกินขอบเขตหรือไม่นั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า สิ่งที่เขาวิจารณ์เป็นข้อเท็จจริง หากเขาวิจารณ์โครงการใดโครงการหนึ่งมีมุมมองความคิดคนละทางก็วิจารณ์ได้ พรรครัฐบาลจะไปบอกห้ามพูดเรื่องพรรคการเมืองเดียวกันคนจะมองคุณเกี้ยเซี้ยกันอีก พอเขาวิจารณ์ก็หาว่าขัดแย้งกันอีก ในระบอบประชาธิปไตย ตนมองว่า การวิพากษ์วิจารณ์ เป็นเรื่องปกติธรรมดา จะแรง หนัก เบา เป็นเรื่องความรู้สึก แต่คนที่ถูกวิจารณ์จะต้องทำใจยอมรับให้ได้ พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะแกนนำก็ต้องทำใจต้องใจกว้างยอมรับคำวิจารณ์ พรรคร่วมวิจารณ์ขนาดนี้ ความจริงฝ่ายค้านหนักกว่านี้อีก และบางทีคนข้างนอกวิจารณ์หนักกว่าฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลด้วยกันเองเสียอีก รัฐบาลมีหน้าที่ชี้แจงก็ต้องชี้แจง ต้องอดทน ต้องขยันชี้แจง
เมื่อถามว่า จะเป็นการบั่นทอนความรู้สึกกันเองหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ไม่หรอก จะหนักกว่าตอนที่ประชาชนรู้สึกว่ารัฐบาล พรรคร่วมสมคบกันและพยายามปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรจะเปิดเผย หากวันนี้การวิพากษ์วิจารณ์นำไปสู่การชี้แจงและการเปิดเผยน่าจะเป็นประโยชน์ด้วยซ้ำไป เมื่อถามว่า มองกันว่า การพรรคภูมิใจไทยต้องการตีฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ กทม.นายสาทิตย์ กล่าวว่า เวลาทำงานเป็นรัฐบาลต่างคนต่างทำงานในหน้าที่ของตัวเอง พอเป็นพรรคการเมืองการแย่งคะแนนนิยมก็เป็นเรื่องปกติ ประชาชนจะเป็นคนตัดสินว่าจะเลือกใคร
เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยเริ่มออกนโยบายมากเยอะ และลงพื้นที่หาเสียงลักษณะนี้มีนัยยะส่งสัญญาณปลายปีจะขอแยกตัวกดดันให้มีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มี อำนาจการเสนอยุบอยู่ที่นายกรัฐมนตรี หากเขาจะขอแยกตัวก็เป็นสิทธิ์ของเขาในทางการเมือง เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่พรรคภูมิใจไทยจะอยู่ร่วมถึงสิ้นปี นายสาทิตย์ กล่าวทันทีว่า มั่นใจ พ.ร.ก.และ พ.ร.บ.ก็ต้องผ่านอยู่แล้ว เพราะมันเป็นประโยชน์กับประชาชน หากคุณเอาการต่อรองเรื่องการผ่านไม่ผ่านงบประมาณมาเป็นเกณฑ์ ประชาชนจะเกิดคำถามได้เช่นเดียวกัน ไหนตกลงจะทำเพื่อประชาชน ตนไม่คิดว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะทำอย่างนั้น เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรคที่น่ากลัวของพรรคประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ประชาธิปัตย์ผ่านการเมืองมา 62 ปี เผชิญมาแล้วทุกรูปแบบ