ผอ.กองกลาง-จนท.รักษาความปลอดภัยประจำกระทรวงมหาดไทย แจงเสื้อแดงพังประตู 4 บุกทุบรถนายกฯ เผยเหตุรถนายกฯ ขับวน เพราะแผนทางออกฉุกเฉิน โดนเสื้อแดงล้อม รับเห็นแต่กลุ่มเสื้อแดงเข้าทำร้ายนายกฯ ปัดไม่รู้อันไหนแดงแท้-แดงเทียม ชี้ความเห็นไม่ควรมาประชุมที่กระทรวง
วันนี้ (5 มิ.ย.) ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะอนุกรรมการรวบรวมเหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทย ในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง โดยมี นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถิ์ ประธานอนุกรรมการ เป็นประธานการประชุม โดยได้เชิญ นายณภัทร สุวรรณประทีป ผู้อำนวยการกองกลาง กระทรวงมหาดไทย เข้าชี้แจง
โดย นายณภัทร กล่าวว่า หน้าที่ของกองกลางที่เกี่ยวกับเหตุการณ์คือการรักษาความปลอดภัยกระทรวงมหาดไทย โดยในวันที่ 12 เม.ย.ตนได้รับแจ้งในเวลาประมาณ 11.00 น. ให้มาทำงานเพื่อเตรียมห้องประชุม โดยตนไม่ทราบมาก่อนว่าจะเป็นการประชุมเพื่อประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยตนทราบจากสื่อมวลชนและรองปลัดกระทรวงการคลังก่อนเวลา 14.00 น. เล็กน้อย ว่า นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาประชุม โดยยังได้สั่งการให้เตรียมเพิ่มการรักษาความปลอดภัยด้วย ทั้งนี้ในวันเกิดเหตุกระทรวงเปิดประตูทางเข้าประตูเดียว คือ ประตู 5 ทั้งนี้ หลังจากมีข่าวว่าผู้ชุมนุมจะเดินทางมาที่กระทรวงมหาดไทยได้มีคำสั่งให้เตรียมการรักษาความปลอดภัยโดยมีการสั่งการให้เพิ่มกำลัง และยกระดับการรักษาความปลอดภัย รวมถึงมีการเตรียมแผนสำรอง เพื่อให้มีทางออกฉุกเฉิน จึงตัดกุญแจล็อกประตู 3 ด้านกรมการปกครอง เพื่อเป็นทางออกฉุกเฉิน ทั้งนี้ การที่ผู้ชุมนุมเข้ามาในกระทรวงได้อย่างไร ตนไม่เห็นด้วยตา จากการสอบถามและดูภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดพบว่ามีผู้ชุมนุมเขย่าประตูและปีนกำแพลงเข้ามาในกระทรวง
นายณภัทร กล่าวอีกว่า สำหรับการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในกระทรวงมีจำกัด ประกอบกับเห็นมีทหารมาจึงปล่อยให้การดูแลความปลอดภัยเป็นหน้าที่ของทหาร โดยหลังจากนายกรัฐมนตรีแถลงประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้ว นายกรัฐมนตรีได้เดินทางกลับ แต่รถประจำตำแหน่งไม่สามารถออกทางประตู 3 ได้ เนื่องจากมีรถหกล้อติดเครื่องขยายเสียงมาจอดที่ประตู 3 ทหารหน่วยรักษาความปลอดภัยจึงไม่ให้ผ่านและให้เดินทางออกไปทางประตูที่ 2 แทน ซึ่งตนเห็นมีกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปล้อมทุบรถประจำตำแหน่งนายกฯ
โดย นางนฤมล กล่าวว่า หลังจากเห็นทหารเข้ามาในกระทรวงได้มีการติดต่อหรือประสานงานกับทหารหรือไม่ นายณภัทร กล่าวว่า ตนไม่ได้ถาม เพราะคิดว่ามีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบแล้ว โดยตนต้องเตรียมห้องประชุมและทางออกฉุกเฉิน ประกอบเจ้าหน้าที่ของกระทรวงไม่พร้อมตนต้องทำงานแทนบางเรื่อง ประกอบกับเชื่อว่าน่าจะมีการประสานระดับผู้ปฏิบัติงาน จึงไม่ได้มีการติดต่อ นางนฤมล กล่าวอีกว่า ได้มีการบันทึกทะเบียนรถเข้าออกกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ นายณภัทร กล่าวว่า ตนไม่เคยตรวจสอบเรื่องนี้ จึงขอรับกลับไปตรวจสอบก่อน
ด้าน พล.ต.ท.ชัชจ์ กุลดิลก กรรมการ ถามว่า ภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิดได้มอบให้ใครไป นายณภัทร กล่าวว่า ได้มอบให้พนักงานสอบสวนของสน.สำราญราษฏร์ โดยเป็นการทำสำเนาให้ พล.ต.ท.ชัชจ์ ถามอีกว่า ตามที่มีผู้ระบุว่าก่อนเกิดเหตุทุบรถประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีการยิงปืนก่อน ท่านได้ยินเสียงปืนหรือไม่ นายณภัทร กล่าวว่า ตนไม่ได้ยินเสียงปืน ส่วนการทุบรถมีตั้งแต่รถจะออกประตูที่ 2 โดยคิดว่าการทุบรถคงต้องการไม่ให้รถวิ่งออกไป พล.ต.ท.ชัชจ์ ถามต่อว่า ได้เห็นหรือไม่ว่าคนที่ทุบรถเป็นคนใส่เสื้อสีแดง นายณภัทร กล่าวว่า เห็นมีแต่คนใส่เสื้อสีแดง นอกนั้นเห็นมีพระภิกษุที่เข้ามาอยู่ในเหตุการณ์ด้วย พล.ต.ท.ชัชจ์ ถามอีกว่า ตามที่มีผู้บอกว่ามีแดงแท้แดงเทียม ท่านแยกแยะได้หรือไม่ว่าแดงแท้แดงเทียม นายณภัทร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ พล.ต.ท.ชัชจ์ ถามต่อว่า กรณีเดียวกันสำหรับรถของนายนิพนธ์ พร้อมพันธ์ รองนายกรัฐมนตรี ท่านทราบหรือไม่ว่ามีแดงแท้แดงเทียมเป็นอย่างไร นายณภัทร กล่าวว่า กรณีรถเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตนไม่ได้ไปดูตอนเกิดเหตุ มาตรวจสอบภายหลังเมื่อเหลือแต่รถประจำตำแหน่งถูกทุบไปแล้ว พล.ต.ท.ชัชจ์ ยังถามอีกว่า ความเห็นส่วนตัวคิดว่าน่าจะมาประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่กระทรวงมหาดไทยหรือไม่ นายณภัทร กล่าวว่า คิดว่าไม่ควร เพราะกระทรวงมีทางเข้าออกแคบ ประตูเข้าออกยังมีระยะห่างไม่มาก หากมีการปิดล้อมประตูจะสามารถทำได้ง่าย
จากนั้น นายเพิ่มศักดิ์ ศรีสวัสดิ์ รองผู้บังคับหมวดอาสารักษาความปลอดภัย ได้เข้าชี้แจงว่า ในวันเกิดเหตุได้มีการสั่งการให้รวมกำลัง อส.ประมาณ 23 นาย เวลา 12.00 น.โดยได้แจกจ่ายกำลังพลให้ไปประจำจุดแต่ละป้อม ขณะนั้นไม่ทราบว่าจะมีคณะของใครมาทำอะไรที่ไหนอย่างไร ได้รับแจ้งเพียงแค่ให้เตรียมจัดกำลังเพิ่ม โดยการแจกกำลังพลเน้นไปที่ประตูด้านหน้าเป็นหลัก เหตุการณ์เริ่มจากมีกลุ่มสื่อมวลชนเข้ามาก่อน จากนั้นมีสารวัตรทหาร 20-30 นาย ตามด้วยรถของผู้บริหารระดับสูง และกำลังทหาร เมื่อเห็นมีผู้ชุมนุมจึงสั่งการให้ปิดประตูล็อกกุญแจ จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เข้ามาปิดล้อมทุกประตู ส่วนการเข้ามาในกระทรวงของผู้ชุมนุมตนไม่ทราบว่าผู้ชุมนุมเข้ามาในกระทรวงได้อย่างไร
“เห็นแต่มีรถเบนซ์สีดำและรถแวนขับวนอยู่ในกระทรวง ได้ยินแต่การสั่งของทหารให้นำกำลังไปคุ้มกัน จึงสั่งการให้ อส.เข้าไปเสริมกำลังคุ้มกัน” นายเพิ่มศักดิ์ กล่าว
วันนี้ (5 มิ.ย.) ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะอนุกรรมการรวบรวมเหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทย ในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง โดยมี นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถิ์ ประธานอนุกรรมการ เป็นประธานการประชุม โดยได้เชิญ นายณภัทร สุวรรณประทีป ผู้อำนวยการกองกลาง กระทรวงมหาดไทย เข้าชี้แจง
โดย นายณภัทร กล่าวว่า หน้าที่ของกองกลางที่เกี่ยวกับเหตุการณ์คือการรักษาความปลอดภัยกระทรวงมหาดไทย โดยในวันที่ 12 เม.ย.ตนได้รับแจ้งในเวลาประมาณ 11.00 น. ให้มาทำงานเพื่อเตรียมห้องประชุม โดยตนไม่ทราบมาก่อนว่าจะเป็นการประชุมเพื่อประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยตนทราบจากสื่อมวลชนและรองปลัดกระทรวงการคลังก่อนเวลา 14.00 น. เล็กน้อย ว่า นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาประชุม โดยยังได้สั่งการให้เตรียมเพิ่มการรักษาความปลอดภัยด้วย ทั้งนี้ในวันเกิดเหตุกระทรวงเปิดประตูทางเข้าประตูเดียว คือ ประตู 5 ทั้งนี้ หลังจากมีข่าวว่าผู้ชุมนุมจะเดินทางมาที่กระทรวงมหาดไทยได้มีคำสั่งให้เตรียมการรักษาความปลอดภัยโดยมีการสั่งการให้เพิ่มกำลัง และยกระดับการรักษาความปลอดภัย รวมถึงมีการเตรียมแผนสำรอง เพื่อให้มีทางออกฉุกเฉิน จึงตัดกุญแจล็อกประตู 3 ด้านกรมการปกครอง เพื่อเป็นทางออกฉุกเฉิน ทั้งนี้ การที่ผู้ชุมนุมเข้ามาในกระทรวงได้อย่างไร ตนไม่เห็นด้วยตา จากการสอบถามและดูภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดพบว่ามีผู้ชุมนุมเขย่าประตูและปีนกำแพลงเข้ามาในกระทรวง
นายณภัทร กล่าวอีกว่า สำหรับการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในกระทรวงมีจำกัด ประกอบกับเห็นมีทหารมาจึงปล่อยให้การดูแลความปลอดภัยเป็นหน้าที่ของทหาร โดยหลังจากนายกรัฐมนตรีแถลงประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้ว นายกรัฐมนตรีได้เดินทางกลับ แต่รถประจำตำแหน่งไม่สามารถออกทางประตู 3 ได้ เนื่องจากมีรถหกล้อติดเครื่องขยายเสียงมาจอดที่ประตู 3 ทหารหน่วยรักษาความปลอดภัยจึงไม่ให้ผ่านและให้เดินทางออกไปทางประตูที่ 2 แทน ซึ่งตนเห็นมีกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปล้อมทุบรถประจำตำแหน่งนายกฯ
โดย นางนฤมล กล่าวว่า หลังจากเห็นทหารเข้ามาในกระทรวงได้มีการติดต่อหรือประสานงานกับทหารหรือไม่ นายณภัทร กล่าวว่า ตนไม่ได้ถาม เพราะคิดว่ามีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบแล้ว โดยตนต้องเตรียมห้องประชุมและทางออกฉุกเฉิน ประกอบเจ้าหน้าที่ของกระทรวงไม่พร้อมตนต้องทำงานแทนบางเรื่อง ประกอบกับเชื่อว่าน่าจะมีการประสานระดับผู้ปฏิบัติงาน จึงไม่ได้มีการติดต่อ นางนฤมล กล่าวอีกว่า ได้มีการบันทึกทะเบียนรถเข้าออกกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ นายณภัทร กล่าวว่า ตนไม่เคยตรวจสอบเรื่องนี้ จึงขอรับกลับไปตรวจสอบก่อน
ด้าน พล.ต.ท.ชัชจ์ กุลดิลก กรรมการ ถามว่า ภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิดได้มอบให้ใครไป นายณภัทร กล่าวว่า ได้มอบให้พนักงานสอบสวนของสน.สำราญราษฏร์ โดยเป็นการทำสำเนาให้ พล.ต.ท.ชัชจ์ ถามอีกว่า ตามที่มีผู้ระบุว่าก่อนเกิดเหตุทุบรถประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีการยิงปืนก่อน ท่านได้ยินเสียงปืนหรือไม่ นายณภัทร กล่าวว่า ตนไม่ได้ยินเสียงปืน ส่วนการทุบรถมีตั้งแต่รถจะออกประตูที่ 2 โดยคิดว่าการทุบรถคงต้องการไม่ให้รถวิ่งออกไป พล.ต.ท.ชัชจ์ ถามต่อว่า ได้เห็นหรือไม่ว่าคนที่ทุบรถเป็นคนใส่เสื้อสีแดง นายณภัทร กล่าวว่า เห็นมีแต่คนใส่เสื้อสีแดง นอกนั้นเห็นมีพระภิกษุที่เข้ามาอยู่ในเหตุการณ์ด้วย พล.ต.ท.ชัชจ์ ถามอีกว่า ตามที่มีผู้บอกว่ามีแดงแท้แดงเทียม ท่านแยกแยะได้หรือไม่ว่าแดงแท้แดงเทียม นายณภัทร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ พล.ต.ท.ชัชจ์ ถามต่อว่า กรณีเดียวกันสำหรับรถของนายนิพนธ์ พร้อมพันธ์ รองนายกรัฐมนตรี ท่านทราบหรือไม่ว่ามีแดงแท้แดงเทียมเป็นอย่างไร นายณภัทร กล่าวว่า กรณีรถเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตนไม่ได้ไปดูตอนเกิดเหตุ มาตรวจสอบภายหลังเมื่อเหลือแต่รถประจำตำแหน่งถูกทุบไปแล้ว พล.ต.ท.ชัชจ์ ยังถามอีกว่า ความเห็นส่วนตัวคิดว่าน่าจะมาประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่กระทรวงมหาดไทยหรือไม่ นายณภัทร กล่าวว่า คิดว่าไม่ควร เพราะกระทรวงมีทางเข้าออกแคบ ประตูเข้าออกยังมีระยะห่างไม่มาก หากมีการปิดล้อมประตูจะสามารถทำได้ง่าย
จากนั้น นายเพิ่มศักดิ์ ศรีสวัสดิ์ รองผู้บังคับหมวดอาสารักษาความปลอดภัย ได้เข้าชี้แจงว่า ในวันเกิดเหตุได้มีการสั่งการให้รวมกำลัง อส.ประมาณ 23 นาย เวลา 12.00 น.โดยได้แจกจ่ายกำลังพลให้ไปประจำจุดแต่ละป้อม ขณะนั้นไม่ทราบว่าจะมีคณะของใครมาทำอะไรที่ไหนอย่างไร ได้รับแจ้งเพียงแค่ให้เตรียมจัดกำลังเพิ่ม โดยการแจกกำลังพลเน้นไปที่ประตูด้านหน้าเป็นหลัก เหตุการณ์เริ่มจากมีกลุ่มสื่อมวลชนเข้ามาก่อน จากนั้นมีสารวัตรทหาร 20-30 นาย ตามด้วยรถของผู้บริหารระดับสูง และกำลังทหาร เมื่อเห็นมีผู้ชุมนุมจึงสั่งการให้ปิดประตูล็อกกุญแจ จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เข้ามาปิดล้อมทุกประตู ส่วนการเข้ามาในกระทรวงของผู้ชุมนุมตนไม่ทราบว่าผู้ชุมนุมเข้ามาในกระทรวงได้อย่างไร
“เห็นแต่มีรถเบนซ์สีดำและรถแวนขับวนอยู่ในกระทรวง ได้ยินแต่การสั่งของทหารให้นำกำลังไปคุ้มกัน จึงสั่งการให้ อส.เข้าไปเสริมกำลังคุ้มกัน” นายเพิ่มศักดิ์ กล่าว
