โฆษกนายกฯ เย้ย หนังสือเรดนิวส์ ของแก๊งเสื้อแดงแค่กระดาษใบปลิวที่ไว้ชั่งขาย แฉ เหตุบทความ “ทักษิณ” ไม่ได้ตีพิมพ์ เพราะเป็นอันตรายต่อสถาบัน ระบุรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจสั่งติดตามข่าวบนกระดาษเปื้อนหมึก อาจเข้าข่ายเบื้องสูงอีก
วันนี้ (5 มิ.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า เนื่องจากวันนี้เป็นวันของกลุ่มคนเสื้อแดงออกหน้งสือ เรด นิวส์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบทความของคนเสื้อแดงและผู้นิยมระบอบทักษิณทั้งสิ้น โดยเฉพาะบทความของ นายจักรภพ เพ็ญแข ที่บอกให้กลุ่มคนเสื้อแดงรออีก 2 เดือน กระแสเสื้อแดงก็จะกลับมา ซึ่งตนพยายามหาบทความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่เจอ เนื่องจากได้คุยกับเพื่อน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ก็ได้คำตอบว่า บทความของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น รุนแรง ก็แสดงว่า ถ้านำมาเผยแพร่จะเป็นอันตราย เข้าใจว่า บทความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่เปลี่ยนแปลง และไม่ลดละที่จะล้มล้างสถาบันเบื้องสูง และตนคิดว่าหนังสือเรดนิวส์ คงเป็นเพียงใบปลิว และน่าจะมีค่าเพียงเป็นเศษกระดาษที่ช่างขายได้ราคามากกว่า
นายเทพไท กล่าวอีกว่า การที่เสื้อแดงประกาศว่าจะจัดเดินหน้าทวงคืนประชาธิปไตย รื้อฟื้นวันชาติไทย 24 มิ.ย.แสดงว่าจะล้มอำมาตยาธิปไตย แทนฟื้นฟูชาติไทยมากกว่า เรื่องนี้คิดว่าพรรคประชาธิปัตย์และรัฐบาลจะจับตามองความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเหล่านี้
นายเทพไท ยังกล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ออกมาพาดพิง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า กรณีการบริหารราชการแผ่นดินว่าการไม่กล้าตัดสินใจในการแก้ปัญหาประเทศ สุดท้ายรัฐบาลก็อยู่ไม่รอด ซึ่งสวนทางกับ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.นนทบุรี ที่ออกมาวิเคราะห์การเมืองว่า ส่วนบนของฟอร์ม
ความขัดแย้งในรัฐบาลเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถตกลงกันได้และรัฐบาลจะอยู่ยาว การยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งสิ้น ตนคิดว่า แนวคิดนี้น่าสนใจ เพราะรัฐบาลจะพยายามประคับประคองสถาการณ์เพื่อให้เป็นรัฐบาลได้ยาวนาน และเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยจะอยู่จนกว่าพรรคเพื่อไทยจะเปลี่ยนจากฝ่ายแค้นเป็นฝ่ายค้านที่แท้จริง ตนคิดว่าพรรคเพื่อไทยต้องไปดูพรรคของตัวเองให้มีเอกภาพ อย่าไปเที่ยวยุแหย่ให้เกิดความแตกแยกในรัฐบาล ทั้งนี้หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ.2552 ว่า ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ทั้งภาคธุรกิจเอกชนและคนในสังคมมีความมั่นใจในรัฐบาลมากขึ้น ตนจึงอยากให้พรรคเพื่อไทยฟังกระแสสังคมอย่าทำอะไรเพื่อความสะใจอย่างเดียว