อนุกรรมาธิการเศรษฐกิจของวุฒิสภา ห่วงรัฐบาลขึ้นภาษีน้ำมัน ฉุดภาวะเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว ขัดแย้งแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ แนะชะลอขึ้นภาษีอีก 6 เดือน จี้ทบทวนราคาหน้าโรงกลั่น-ค่าการตลาด
วันนี้ (4 มิ.ย.) ที่รัฐสภา นายวันชัย แสงสุขเอี่ยม ส.ว.สรรหา ประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาและติดตามนโยบายด้านเศรษฐกิจและการแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจของรัฐบาล ในกรรมาธิการเศรษฐกิจ วุฒิสภา แถลงถึงการขึ้นภาษีสรรพสามิตของรัฐบาลเมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า การขึ้นภาษีในช่วงที่แนวโน้มราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อต้นทุนของผู้ประกอบการและผู้บริโภคทั่วไป และยิ่งจะเป็นอุปสรรคในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและทำให้เศรษฐกิจถดถอยมากยิ่งขึ้น เนื่องจากน้ำมันเป็นยุทธปัจจัยพัฒนาเศรษฐกิจ การขึ้นภาษีของรัฐบาลจึงขัดแย้งกับความพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการทุ่มงบประมาณและหาแหล่งกู้เงินมากระตุ้นเศรษฐกิจ
นายวันชัยกล่าวว่า ทางอนุกรรมาธิการเห็นว่า การขึ้นราคาน้ำมันจะมีผลกระทบทันทีต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่การใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเห็นผลได้ช้า ดังนั้น รัฐบาลต้องพิจารณาให้ดีและเห็นว่ารัฐบาลไม่ควรขึ้นภาษีอีกไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้นอย่างแท้จริง นอกจากนี้ รัฐบาลควรเข้าไปดูแลเรื่องราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น ซึ่งอิงจากราคาที่สิงคโปร์ แต่ในข้อเท็จจริงมีผู้ผลิตน้ำมันในประเทศไทยนำเข้าน้ำมันดิบมากลั่นเอง ทำให้ราคาหน้าโรงกลั่นสูงกว่าความเป็นจริง อีกทั้งควรดูแลค่าการตลาดไม่ให้สูงเกินไป และ ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนอย่างจริงจัง
วันนี้ (4 มิ.ย.) ที่รัฐสภา นายวันชัย แสงสุขเอี่ยม ส.ว.สรรหา ประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาและติดตามนโยบายด้านเศรษฐกิจและการแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจของรัฐบาล ในกรรมาธิการเศรษฐกิจ วุฒิสภา แถลงถึงการขึ้นภาษีสรรพสามิตของรัฐบาลเมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า การขึ้นภาษีในช่วงที่แนวโน้มราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อต้นทุนของผู้ประกอบการและผู้บริโภคทั่วไป และยิ่งจะเป็นอุปสรรคในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและทำให้เศรษฐกิจถดถอยมากยิ่งขึ้น เนื่องจากน้ำมันเป็นยุทธปัจจัยพัฒนาเศรษฐกิจ การขึ้นภาษีของรัฐบาลจึงขัดแย้งกับความพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการทุ่มงบประมาณและหาแหล่งกู้เงินมากระตุ้นเศรษฐกิจ
นายวันชัยกล่าวว่า ทางอนุกรรมาธิการเห็นว่า การขึ้นราคาน้ำมันจะมีผลกระทบทันทีต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่การใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเห็นผลได้ช้า ดังนั้น รัฐบาลต้องพิจารณาให้ดีและเห็นว่ารัฐบาลไม่ควรขึ้นภาษีอีกไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้นอย่างแท้จริง นอกจากนี้ รัฐบาลควรเข้าไปดูแลเรื่องราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น ซึ่งอิงจากราคาที่สิงคโปร์ แต่ในข้อเท็จจริงมีผู้ผลิตน้ำมันในประเทศไทยนำเข้าน้ำมันดิบมากลั่นเอง ทำให้ราคาหน้าโรงกลั่นสูงกว่าความเป็นจริง อีกทั้งควรดูแลค่าการตลาดไม่ให้สูงเกินไป และ ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนอย่างจริงจัง