ทีมเศรษฐกิจ “เพื่อไทย” เตะถ่วงรัฐบาล อ้างห่วงจีดีพีติดลบต่ำสุดรอบ 12 ปี ซัดแก้ปัญหาผิดพลาดดีแต่แจกเงิน-กู้เงิน-สร้างหนี้สาธารณะในอนาคต เชื่อ คนตกงานพุ่ง 1.2 ล้าน จี้ดูแลคนยากจน สร้างความเชื่อมั่น แนะเปลี่ยนวิธีคิด-วิธีทำ-อัดฉีดงบสู่ระบบโดยเร็ว
เมื่อเวลา 13.00 น.ที่พรรคเพื่อไทย นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีต รมว.คลัง และ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมช.คลัง ในฐานะคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงภายหลังการประชุมคณะทำงาน โดย นายสุชาติ กล่าวว่า น่าเป็นห่วงอัตราความเจริญเติบโตไตรมาสแรกของปี 2552 จีดีพีติดลบถึง 7.1 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าตกต่ำที่สุดในรอบ 12 ปี สะท้อนการบริหารจัดการของรัฐบาลที่ผ่านมามีทิศทางถูกต้องหรือไม่
โดยจะเห็นว่า 1.รัฐบาลประเมินตัวเลขต่ำมาตลอด จึงขอให้รัฐบาลเอาจริงเอาจังในการใช้นโยบายภาคปฏิบัติให้เกิดผล 2.งบกลางปี 2552 ที่นำมาใช้ ไม่ได้ทำให้เกิดการจ้างงาน แต่นำมาเพื่อแจกเงิน ท้ายที่สุด ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ และเชื่อว่า จะทำให้คนตกงานถึง 1.2 ล้านคน 3.รัฐบาลได้ตัดงบเอสเอ็มแอล ในปีงบประมาณ 2552 2 หมื่นล้านบาท และปี 2553 อีก 3 หมื่นล้าน และงบโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค 5 หมื่นล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงการละเลยคนยากจน ทั้งที่ งบส่วนนี้มีการคอร์รัปชั่นน้อย และถึงมือประชาชนได้มากซึ่งเศรษฐกิจแย่ อย่างนี้ก็อยากให้ดูแลคนยากจนให้มากๆ
4.รัฐบาลขาดกรอบคิดและขาดวิสัยทัศน์ในการสร้างความเชื่อมั่นมี แต่วิธีการกู้อย่างเดียว 5.รัฐบาลขาดการดูแลภาคส่งออก และท่องเที่ยวและคงค่าเงินบาทให้แข็งกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคทำให้การส่งออกทรุดตัวมากกว่าที่ควร ส่วนตัวเห็นว่าควรลดค่าเงินบาทจาก 34 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ที่ 36-37 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ 6.รัฐบาลขาดการดูแลการปล่อยสินเชื่อโดยเฉพาะธนาคาร ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นระบบเศรษฐกิจ
7.รัฐบาลขาดวิธีหาเงินมาลงทุนภาครัฐ โดยไม่ต้องกู้ 8.รัฐบาลใช้การขึ้นภาษีจำนวนในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ 9.รัฐบาลนำเงินไปแจกให้กับคนบางกลุ่ม แต่กลับขึ้นภาษีน้ำมันซึ่งมีผลกระทบต่อคนทั้งประเทศ เป็นการสร้างความไม่ยุติธรรม สองมาตรฐาน 10.การที่รัฐบาลแอบออก พ.ร.ก.โดยไม่ผ่านกระบวนการกฎหมายงบประมาณ จะทำให้เกิดการใช้เงินเกินตัว ก่อหนี้สาธารณะจำนวนมากในอนาคต โดยในปี 2555 หนี้รัฐบาลต่อจีดีพี อาจสูงถึง 60 เปอร์เซ็นต์
“การที่รัฐบาลโยนเป็นความผิดของการเมืองที่ประชาชนมาประท้วงนั้น ผมอยากขอความเป็นธรรม เพราะความจริงในช่วงไตรมาสแรก ยังไม่มีการประท้วง ผมอยากขอความเป็นธรรมว่าการโยนความผิดเช่นนี้จะทำให้คนยากไร้ รู้สึกไม่ดี” นายสุชาติ กล่าว
ด้าน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมช.คลัง กล่าวว่า การที่พรรคเพื่อไทย ออกมาพูดก็เพื่อเตือนสติรัฐบาล ถ้ายังใช้มาตรการไม่ถูกทางเกรงว่าปัญหาเศรษฐกิจของประเทศจะกู่ไม่กลับ จึงขอให้รัฐบาลประเมินการณ์ในการทำงานแก้ปัญหาให้ถูกต้องเพราะหากคาดการณ์ผิดก็จะใช้จ่ายงบประมาณผิดพลาดมากยิ่งขึ้น และจะถูกคัดค้านจากทุกฝ่ายพร้อมให้เปลี่ยนวิธีคิด และวิธีทำใหม่ โดยเฉพาะการเร่งรัดเบิกจ่ายอัดฉีดเงินงบประมาณให้เข้าสู่ระบบโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะที่รัฐบาลการกู้เงิน 4 แสนล้านบาท ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะนำไปทำอะไรก็ควรจะโยกงบประมาณ ตัดออกจาก 2.5 แสนล้านบาท โดยวางงบมุ่งเป้าหมายไปที่โครงการใดโครงการหนึ่งมากกว่าจะกระจายงบประมาณอย่างที่ทำในขณะนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การออก พ.ร.ก.กู้เงิน ขัดต่อรัฐธรรมนูญจะส่งผลกระทบต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างไร นายสุชาติ กล่าวว่า ความจริงแล้วรัฐบาลควรออก พ.ร.ก.กู้เพียง 1.1แสนล้านบาท ส่วนอีก 2.5 แสนล้านบาท ที่อ้างว่าจะนำมาใช้ในโครงการต่างๆ ที่ถูกซุกซ่อนไว้ใน พ.ร.ก.กู้เงิน ซึ่งตนเห็นว่า ไม่ใช้เรื่องจำเป็นเร่งด่วน เท่าที่ดูรายละเอียดของกระทรวงการคลัง ทราบว่า เป็นโครงการส่วนใหญ่ไปใช้พัฒนาในปี 2553