ป.ป.ช.เล็งสอบสัมพันธ์คนรู้ใจ “ชาญชัย” พิสูจน์เหตุซุกทรัพย์ ม.กรุงเทพฯ

“วิชัย” เผยยังไม่เห็นคำร้อง “สมชาย” กล่าวหา “ชาญชัย” ให้คนรู้ใจถือครองหุ้นมหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ แทน เผยต้องดูพฤติการณ์เป็นเจ้าของทรัพย์จริง และให้คนอื่นถือจริงหรือไม่ ย้ำต้องดูเจตนาจงใจ หรือแค่เลินเล่อ

วันนี้ (25 พ.ค.) นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงการพิจารณาเรื่องที่ นายสมคิด หอมเนตร นักวิชาการอิสระ ยื่นสอบ นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม ว่า จงใจแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ กรณีไม่ระบุการถือครองมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี แต่ใช้ชื่อ นางบังอร ชัยรุ่งเรือง เบญจาธิกุล ซึ่ง นายสมคิด อ้างว่า เป็นคนรู้ใจนายชาญชัยให้ถือครองไว้แทน ในการแจ้งบัญชีทรัพย์สินตอนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2551 ว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นเรื่อง แต่เราจะไม่พิจารณาเพียงดูคำให้สัมภาษณ์ของ นายชาญชัย ที่ยอมรับว่า เป็นมหาวิทยาลัยดังกล่าวจากในหน้าหนังสือพิมพ์เท่านั้น โดยการตรวจสอบการถือครองทรัพย์สินแทนกันนั้น ป.ป.ช.มีวิธีการในการตรวจสอบอยู่ โดยจะดูพฤติการณ์ของผู้ถูกร้องว่าเป็นเจ้าของทรัพย์จริงหรือไม่ และผู้ที่มีชื่อถือทรัพย์สินแทนอยู่นั้นมีความสัมพันธ์อย่างไรกับผู้ที่ถูกร้อง ทั้งนี้ หาก นายชาญชัย มีความผิดจริง นอกจากโทษทางการเมืองที่จะถูกเว้นวรรคเป็นเวลา 5 ปีแล้ว ยังมีโทษทางอาญาด้วย อย่างไรก็ตาม ต้องดูพฤติกรรมของผู้ถูกร้องด้วยว่า เป็นการแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จด้วยความจงใจ หรือประมาทเลินเล่อ

“อย่างกรณี นายไชยา สะสมทรัพย์ อดีต รมว.สาธารณสุข ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้แค่เพียงหลุดจากตำแหน่งนั้น เนื่องจากนายไชยาประมาทเลินเล่อในการแจ้งบัญชีทรัพย์สิน เมื่อมาแจ้งภายหลังก็ไม่ทันเวลาแล้ว ไม่ใช่การจงใจแจ้งเท็จแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ป.ป.ช.จะพิจารณาเจตนาอย่างรอบคอบ หากเป็นการแกล้งโง่ ไม่รู้ในสิ่งที่ควรจะรู้ ป.ป.ช.ก็จะถือว่าเป็นการจงใจแจ้งบัญชีเท็จเช่นกัน” นายวิชัย กล่าว

เมื่อถามว่า ป.ป.ช.จะสามารถพิจารณาเรื่องนี้เสร็จก่อนการปรับ ครม.หนนี้หรือไม่ นายวิชัย กล่าวว่า กระบวนการพิจารณาของ ป.ป.ช.ไม่มีทางที่จะรับเรื่องตอนเช้า แล้วพิจารณาเสร็จสิ้นในตอนเย็น นอกจากนี้ ป.ป.ช.ยังไม่ทราบว่าจะมีการปรับ ครม.เมื่อใด ทั้งนี้ตามกระบวนการพิจารณาเรื่องกล่าวหานักการเมือง หลังจาก ป.ป.ช.พิจารณาแล้ว หากเห็นว่า นายชาญชัย มีความผิดจริง ก็จะต้องส่งเรื่องไปให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นผู้วินิจฉัยโทษของนายชาญชัย โดยกระบวนการต่างๆ น่าจะใช้เวลานานนับเดือน ไม่น่าจะเสร็จเร็วๆ นี้แน่