“ศักดา” ยันไม่มีเหตุจำเป็น ต้องเปลี่ยนหัวหน้าพรรคช่วงนี้ เสนอให้ที่ประชุมใหญ่ ตั้งกรรมการบริหารเพิ่ม หวังให้งานพรรค มีประสิทธิภาพ ฝันกลางวันอ้างจะมีเหตุยุบสภา ฟุ้งวางยุทธศาสตร์พรรคเตรียมลงพื้นที่พบ ประชาชนช่วงปิดสภาหวังเก็บคะแนนแต้มต่อ
วันนี้ (22 พ.ค.) นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กลุ่มอีสานพัฒนา กล่าวยอมรับว่าเรื่องตัวหัวหน้าพรรคฯยังไม่ลงตัว ไม่รู้จะเอาใคร แต่ส่วนตัวเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะเปลี่ยนแปลงตัวหัวหน้าพรรคฯ ในช่วงนี้ โดยเฉพาะนายยงยุทธก็ทำหน้าที่หัวหน้าพรรคฯได้อย่างดีและพรรคมีความเป็นประชาธิปไตยค่อนข้างมาก รับฟังเสียง ส.ส.ประธานภาคและทุกฝ่ายในการสะท้อนปัญหาต่างๆที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนในพื้นที่ อีกทั้งขณะนี้เป็นช่วงปิดสมัยประชุมสภาและในสมัยประชุมหน้าก็เป็นสมัยประชุมนิติบัญญัติก็ไม่มีการยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งไม่มีอะไรเร่งด่วนในงานสภาที่จะต้องเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคจึงควรให้คณะกรรมการบริหารพรรคฯ ชุดนี้ได้ทำหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการยุบสภา หรือมีการเปลี่ยนที่นำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ ค่อยปรับเปลี่ยนหัวหน้าพรรคฯอีกครั้ง ดังนั้น ในการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคที่จะขึ้นวันที่ 31 พ.ค.นี้ ก็ควรเพิ่มคณะกรรมการบริหารและตั้งคณะทำงานขึ้นมามากกว่า เพื่อให้งานของสามารถเดินหน้าต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นายศักดากล่าวอีกว่า ถึงวันนี้พรรคเพื่อไทยมีการกำหนดวางยุทธศาสตร์ไว้พร้อมแล้ว ในการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคอีสาน เปิดเวทีปราศรัยวันละ 3-4 จุด รวมทั้งไปร่วมรับฟังปัญหาความเดือดร้อนต่างๆเพื่อรวบรวมเป็นนโยบายและยุทธศาสตร์ของพรรคให้พร้อมเพื่อจะนำไปสู่การเลือกตั้งต่อไปในช่วงต้นเดือนมิถุนายนนี้ เพราะเห็นว่าช่วงนี้เห็นได้ชัดเจนว่ารัฐบาลบริหารประเทศ แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ มีแต่เข้ามากู้เงิน สร้างความเดือดร้อนและสร้างภาระหนี้สาธารณะให้ประชาชนและประเทศ ในฐานะพรรคฝ่ายค้านจึงต้องใช้ช่วงเวลาปิดสภาเข้าไปพบปะรับฟังปัญหาจากประชาชน มากกว่าจะสร้างปัญหาภายในพรรค
วันนี้ (22 พ.ค.) นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กลุ่มอีสานพัฒนา กล่าวยอมรับว่าเรื่องตัวหัวหน้าพรรคฯยังไม่ลงตัว ไม่รู้จะเอาใคร แต่ส่วนตัวเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะเปลี่ยนแปลงตัวหัวหน้าพรรคฯ ในช่วงนี้ โดยเฉพาะนายยงยุทธก็ทำหน้าที่หัวหน้าพรรคฯได้อย่างดีและพรรคมีความเป็นประชาธิปไตยค่อนข้างมาก รับฟังเสียง ส.ส.ประธานภาคและทุกฝ่ายในการสะท้อนปัญหาต่างๆที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนในพื้นที่ อีกทั้งขณะนี้เป็นช่วงปิดสมัยประชุมสภาและในสมัยประชุมหน้าก็เป็นสมัยประชุมนิติบัญญัติก็ไม่มีการยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งไม่มีอะไรเร่งด่วนในงานสภาที่จะต้องเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคจึงควรให้คณะกรรมการบริหารพรรคฯ ชุดนี้ได้ทำหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการยุบสภา หรือมีการเปลี่ยนที่นำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ ค่อยปรับเปลี่ยนหัวหน้าพรรคฯอีกครั้ง ดังนั้น ในการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคที่จะขึ้นวันที่ 31 พ.ค.นี้ ก็ควรเพิ่มคณะกรรมการบริหารและตั้งคณะทำงานขึ้นมามากกว่า เพื่อให้งานของสามารถเดินหน้าต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นายศักดากล่าวอีกว่า ถึงวันนี้พรรคเพื่อไทยมีการกำหนดวางยุทธศาสตร์ไว้พร้อมแล้ว ในการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคอีสาน เปิดเวทีปราศรัยวันละ 3-4 จุด รวมทั้งไปร่วมรับฟังปัญหาความเดือดร้อนต่างๆเพื่อรวบรวมเป็นนโยบายและยุทธศาสตร์ของพรรคให้พร้อมเพื่อจะนำไปสู่การเลือกตั้งต่อไปในช่วงต้นเดือนมิถุนายนนี้ เพราะเห็นว่าช่วงนี้เห็นได้ชัดเจนว่ารัฐบาลบริหารประเทศ แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ มีแต่เข้ามากู้เงิน สร้างความเดือดร้อนและสร้างภาระหนี้สาธารณะให้ประชาชนและประเทศ ในฐานะพรรคฝ่ายค้านจึงต้องใช้ช่วงเวลาปิดสภาเข้าไปพบปะรับฟังปัญหาจากประชาชน มากกว่าจะสร้างปัญหาภายในพรรค
