“เรืองไกร” แฉกรรมการสมานฉันท์เพื่อปฏิรูปการเมือง ล็อบบี้ ส.ว.สรรหา กล่อมช่วยแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 237-นิรโทษกรรม และที่มาของ ส.ส.-ส.ว.ยึดปี 40 เป็นหลัก แลกต่ออายุส.ว.อยู่ได้ 6 ปี พร้อมเตือนสติเพื่อน ส.ว.คิดถึงประเทศชาติมากกว่าตัวเอง ยอมรับหากได้รับข้อเสนอจะยอมรับ แต่แลกด้วยการถูกสอบทรัพย์สินย้อนหลัง 2 ปี พร้อมยัดระเบียบไว้ในรธน.เชื่อไม่มีใครเห็นพ้อง
วันนี้ (15 พ.ค.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ขณะนี้มีการล็อบบี้จากคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ ส.ว.สรรหาร่วมสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นต่างๆ ทั้งเรื่องการนิรโทษกรรมคดีการเมือง การแก้ไขมาตรา 237 และการแก้ที่มาของ ส.ส.และ ส.ว.เพื่อให้กลับมาใช้แบบรัฐธรรมนูญ 2540 โดยให้แลกกับการที่ส.ว.สรรหาสามารถอยู่ในตำแหน่งได้จากเดิม 3 ปีเป็น 6 ปี เท่ากับส.ว.เลือกตั้ง โดยอ้างว่า ส.ว.สรรหามีผลงานดี ซึ่งเรื่องดังกล่าวตนเองคิดว่าเป็นเรื่องที่ยั่วยวนและมีโอกาสทำให้ ส.ว.สรรหา แกว่งได้ เพราะหลายคนที่มาจากการสรรหาเหลือเวลาในการทำงานเพียง 2 ปีเท่านั้นและไม่มีหลักประกันว่าหากลงสรรหาใหม่จะได้กลับมาอีก การที่ได้เป็นส.ว.อีก 3 ปี โดยอัตโนมัติอาจทำให้หลายคนหวั่นไหวได้
“เรื่องการนิรโทษกรรมถือว่าเป็นประเด็นที่อ่อนไหวและประชาชนอาจจะรับไม่ได้ ดังนั้น เพื่อนส.ว.ต้องคิดว่าการที่บ้านเมือง ประเทศชาติต้องขาดนักการเมืองไป 200-300 คน บ้านเมืองจะไม่เจริญจริงหรือไม่ นักการเมืองไทยมีคุณภาพทำงานเต็มความรู้ความสามารถแบบนั้นเลยหรือ” นายเรืองไกร กล่าว
เมื่อถามว่า หากมีการยื่นหมูยื่นแมวกับตนเองว่าจะขอแลกให้มีการนิรโทษกรรมคดีความทั้งหมด จะพิจารณาอย่างไร นายเรืองไกร กล่าวว่า จะรับข้อเสนอนี้ แต่มีข้อแม้ว่านักการเมืองทุกคนต้องเข้าสู่ระบบการตรวจสอบทรัพย์สินย้อนหลัง 2 ปี และให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีการตรวจสอบนักการเมืองทุกปีโดยแนบไปกับแบบฟอร์มการเสียภาษี หากไม่มีการแก้ไขเรื่องนี้ตนเองจะไม่รับข้อเสนอของการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะเกิดขึ้นเด็ดขาด เพราะนักการเมืองต้องยอมเสียบ้าง ไม่ใช่จะเอาทุกอย่าง
“ผมขอให้นักการเมืองตรวจสอบตัวเองบ้าง ตรวจสอบทุกปีและหน่วยงานองค์กรอิสระอื่นๆต้องตรวจนักการเมืองระหว่างการดำรงตำแหน่งด้วย ซึ่งหากระบบการตรวจสอบของไทยเข้มแข็ง นักการเมืองก็จะทำร้ายประเทศต่อไปไม่ได้ เพราะไม่สามารถคอรัปชั่นได้ ผมเชื่อว่าไม่มีนักการเมืองคนไหนเห็นด้วยกับความคิดผมแน่นอน” นายเรืองไกร กล่าว
