กรรมการสภาที่ปรึกษา ปชป.จวก “เสนาะ” ไม่เคยเห็นความผิดของตัวเอง ชอบตะแบงเล่นปาหี่การเมือง ทำตัวเลอะเลือนจนลืมคำพูดตัวเองจนบ้านเมืองวุ่นวาย ลั่น คกก.สมานฉันท์แก้ รธน.ต้องมีคนนอกเข้าร่วม ก่อนทำประชามติ
วันนี้ (12 พ.ค.) นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า การแก้รัฐธรรมนูญต้องรอคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ตั้งขึ้น วันนี้ (12 พ.ค.) จะมีการตั้งคณะอนุกรรมการฯ ขึ้นมาก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ถ้าอนุกรรมการฯ เอาคนนอก ไม่ว่าจะเป็นภาคเอกชน นักวิชาการ เข้ามาร่วมคณะให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ให้ฝ่ายการเมืองเป็นเพียงฝ่ายข้างน้อยที่คอยสะท้อนปัญหาเท่านั้นเอง หลังจากนั้นจะใช้อนุกรรมการฯ ที่ตั้งขึ้นมาฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างกว้างขวาง เชื่อว่าจะได้คำตอบสุดท้ายที่ไปได้
“ในทางตรงกันข้าม ถ้าสถาปนาตัวเองเป็นผู้รู้ไปหมด ปีก่อนพูดอีกอย่าง ปีนี้พูดอย่าง ฟังคนพวกนี้มากเท่าไหร่ บ้านเมืองจะยุ่งมากเท่านั้น หากเชิญภาคเอกชนเข้าร่วมคณะกรรมการไม่ว่าจะเป็นทั้งเสื้อแดง เสื้อเหลืองนั้น ผมไม่ทราบ ต้องอยู่ที่การตัดสินใจของคณะกรมการ ถ้าเชิญมาร่วมได้ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่อยากให้ฟังความคิดเห็นทั่วไปให้กว้างขวางมากขึ้น จะเท่ากับได้รับความคิดเห็นจากคนเหล่านั้นด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว ที่สำคัญต้องไม่รีบร้อน คิดเองทำเอง” นายบัญญัติกล่าว
เมื่อถามว่าหลายฝ่ายเห็นตรงกันว่าควรทำประชามติ นายบัญญัติกล่าวว่า การทำประชามติต้องเข้าใจว่าต้องให้ประชาชนได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วนด้วย ถ้าทำประชามติว่าแก้หรือไม่แก้ก็ได้คำตอบที่ไม่สมบูรณ์ การทำประชามติ ถ้าจะทำจริงๆ ควรที่จะนำข้อขัดแย้งไปเสนอทีละประเด็น และต้องให้เวลาประชาชนรับทราบข้อมูลข่าวสาร ที่ครบถ้วนถึงข้อดีข้อเสียของประเด็นเหล่านั้นอย่างชัดเจน ถึงจะเป็นคำตอบที่ใช้ได้
“ทั้งหมดนี้เข้าใจว่าขึ้นอยู่กับคณะกรรมการเป็นหลักว่าคิดอย่างไร ความจริงประเด็นข้อพิพาทต่างๆ ก็ชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าจะนำประเด็นเหล่านั้นมาถกกันอย่างกว้างขวาง รับฟังความคิดเห็นของประชาชนประกอบด้วย และถ้าเห็นว่าประเด็นไหนยังหาข้อยุติไม่ได้จริงๆ จะทำประชามติเฉพาะประเด็นเหล่านั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง ที่สำคัญประชาชนต้องมีเวลารับรู้ข้อมูลพอสมควร” นายบัญญัติกล่าว
เมื่อถามว่าการที่นายเสนาะมองว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอมแก้กฎหมายนิรโทษกรรม เพราะกลัวคู่แข่งทางการเมืองในอนาคต นายบัญญัติกล่าวว่า นายเสนาะก็คือนายเสนาะ เห็นความผิดของคนอื่นมากมาย แต่ไม่เคยเห็นความผิดของตัวเอง
