นายกฯ ย้ำต้องยอมถอยเพื่อให้เกิดความปรองดอง แต่ต้องไม่ก้าวล่วงความถูกต้อง ระบุแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ระบบดีขึ้น แต่ไม่แก้เพื่อคนบางกลุ่ม พร้อมยืนยันไม่นิรโทษคดีอาญา ตอกบางคนต่อหน้าสมานฉันท์แต่ลับหลังใช้ความรุนแรง ลั่นยอมไม่ได้กับลัทธิก่อการร้ายโดยเด็ดขาด
การประชุมวุฒิสภาเพื่ออภิปรายทั่วไปเพื่อให้ ครม.แถลงข้อเท็จจริงและชี้แจงปัญหาเกี่ยวกับการบริหาราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ เมื่อเวลา 19.50 น. วันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากนายกรัฐมนตรีรับฟังข้อเสนอแนะจากสมาชิกวุฒิสภาตลอด 7 ชั่วโมง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ลุกขึ้นกล่าวต่อสมาชิกว่า ถ้าเราไม่ถอยบ้างกระบวนการปรองดองก็คงเกิดขึ้นได้ยาก แต่ความปรองดองจะต้องไม่ก้าวล่วงความถูกต้อง สำหรับการปฏิรูปการเมืองที่พูดกันนั้นถือเป็นเรื่องนามธรรมมาก และไม่คิดว่าจะปฏิรูประบบต่างๆ ได้โดยไม่ต้องแตะรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ตนย้ำเสมอว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 ต้องได้รับการปรับปรุงเพราะเป็นการร่างขึ้นเพื่อพยายามแก้ไขปัญหาจากรัฐธรรมนูญปี 2540 จนบางครั้งทำให้สุดโต่งเกินไป แต่ต้องเป็นการแก้ไขเพื่อให้ระบบดีขึ้น ไม่ใช่แก้เพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือเพื่อความอยู่รอดของรัฐบาล จึงขอให้สมาชิกวุฒิสภาช่วยกันติดตามให้คณะกรรมการชุดที่จะตั้งขึ้นมาดำเนินการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่ทุกคนต้องการเห็น
นายกรัฐมนตรี ชี้แจงอีกว่า ประเด็นที่ละเอียดอ่อน คือการนิรโทษกรรมทางอาญาไม่ต้องพูดถึง เพราะสังคมยอมไม่ได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าเป็นทางผิดทางการเมือง เช่นกรณีการยุบพรรค ตนไม่เห็นด้วย เว้นแต่การเพิกถอนสิทธิของกรรมการบริหารพรรคที่ทำผิด มีหลายฝ่ายมองว่าจะมีการฮั้วทางการเมือง แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่ามีนักการเมืองที่หวังว่าจะแก้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้ไม่ว่าจะออกมาอย่างไรก็มีกลุ่มที่พอใจและไม่พอใจ
นายอภิสิทธิ์ ยอมรับว่า มีบางกลุ่มที่หมิ่นและมีเป้าหมายในการดึงสถาบันเข้ามาในวังวนของความขัดแย้ง ซึ่งรัฐบาลจะไม่ละเลย และใครที่ต่อหน้าสมานฉันท์ แต่ลับหลังใช้ความรุนแรง รัฐบาลยอมไม่ได้ เพราะเท่ากับจำนนต่อลัทธิการก่อการร้าย ในส่วนของการประชุมสุดยอดอาเซียนรัฐบาลจะเรียกความเชื่อมั่นและสร้างความศรัทธาให้กับผู้นำ โดยเฉพาะการรักษาความปลอดภัยจะต้องแตกต่างจากที่พัทยาแน่นอน ถ้าให้ความมั่นใจกับเขาไม่ได้ ผู้นำประเทศต่างก็ไม่เดินทางมาแน่