ที่ปรึกษาสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรียกร้องกลุ่มผู้ใช้แรงงานนับ 1,000 คนที่ร่วมชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลบุกยื่นข้อเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ต้องสมัครสามัคคีและร่วมกันสร้างการเมืองใหม่
วันนี้ (1 พ.ค.) กลุ่มสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ (สรส.) ร่วมกับคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานประเทศไทย (คสรท.) กว่า 70 องค์กร ได้นัดรวมตัวกันบริเวณหน้าพระบรมรูปทรงม้า กว่า 1,000 คน เนื่องในวันกรรมกรสากล ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนกลุ่มผู้ชุมนุมไปยังบริเวณทำเนียบรัฐบาล เพื่อที่จะยื่นข้อเรียกร้องกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยมีข้อเรียกร้องหลักคือ การแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ และรัฐบาลต้องยกเลิกนโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจ
ทั้งนี้ ให้รัฐบาลมีนโยบายในการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจให้มีศักยภาพพร้อมในการให้บริการแก่ประชาชน ข้อเรียกร้องต่อมาคือ ต้องการให้รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ฉบับของขบวนการแรงงานเพียงฉบับเดียว และให้ประกาศใช้ พ.ร.บ.สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ฉบับบูรณการร่วมของผู้ใช้แรงงาน นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้รัฐบาลจัดตั้งกองทุนประกันความเสี่ยงให้แก่สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการบริหารงานของสำนักงานประกันสังคม อีกทั้งรัฐบาลจะต้องรับรองอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 87 และ 98 รวมไปถึงการติดตามข้อเรียกร้องที่เคยได้ยื่นเสนอติดต่อกันมาอย่างต่อเนื่อง เช่น กรณีค่าจ้างที่เป็นธรรม ประเด็นการคุ้มครองสิทธิแรงงานทั้งนอกระบบ และแรงงานข้ามชาติ
ต่อมากลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางมาถึงบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ และปิดเส้นทางการจราจร และนำรถบรรทุก 6 ล้อ พร้อมเครื่องขยายเสียงมาตั้งขวางไว้เพื่อทำเป็นเวทีในการปราศรัยชั่วคราว โดย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ที่ปรึกษาสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ได้ขึ้นปราศรัยต่อกลุ่มผู้ชุมนุมผู้ใช้แรงงานว่าให้รวมตัวกันอย่างสามัคคีเพื่อที่จะต่อสู้เพื่อปากท้องและชีวิตของตนเองต่อไป อย่าได้ท้อแท้ พร้อมทั้งย้ำต่อรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของแรงงานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นแรงงานนอกระบบหรือในระบบ และให้รับรู้ถึงความเดือดร้อนของกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่มิเคยได้รับความเป็นธรรม และกล่าวทิ้งท้ายให้กลุ่มผู้ใช้แรงงานสร้างการเมืองขึ้นใหม่ โดยที่กลุ่มผู้ใช้แรงงานสามารถที่จะเข้าไปออกสิทธิออกเสียงได้อย่างเต็มที่
จากนั้น กลุ่มสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ (สรส.) ร่วมกับคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานประเทศไทย (คสรท.) ได้เปิดถนนเพื่อให้ประชาชนสัญจรตามปกติ
