“นักโทษชายทักษิณ” ใช้สื่อต่างประเทศในการโกหกประชาชนทั่วโลกอีกครั้ง ด้วยการกล่าวหาว่าทหารไทยฆ่าประชาชนระหว่างการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง เมื่อเช้าวันที่ 13 เม.ย. ซึ่งเป็นประเด็นหนึ่งที่แกนนำบนเวทีนำไปปลุกระดมจนทำให้เกิดการจลาจล การก่อวินาศกรรมอย่างบ้าคลั่งแบบไร้ความรับผิดชอบ
แม้ว่านายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการทุกโรงพยาบาลจะยืนยันว่าไม่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่มีคนเสื้อแดงถูกอาวุธของฝ่ายทหารยิง ในทางตรงกันข้าม ทหารกลับได้รับบาดเจ็บจากอาวุธปืนพกจากคนเสื้อแดง เพราะฝ่ายทหารยิงปืนขึ้นฟ้า และใช้กระสุนซ้อมซึ่งเป็นหัวกระดาษยิงขนานใส่ผู้ชุมนุม จึงย่อมไม่มีผู้ที่เสียชีวิต แต่กลุ่มผู้ชุมนุมกลับไม่ยอมเชื่อและนำไปเป็นปลุกระดมคนเสื้อแดงต่อไป
หลังจากนั้นในช่วงเย็นวันที่ 13 เมษายน 2552 นักโทษชายทักษิณได้ใช้ภาพโกหกชาวต่างประเทศ 2 ครั้ง ผ่านการให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น และในวันที่ 14 เม.ย. ได้อ้างถึงภาพนั้นอีกครั้งผ่านสถานีโทรทัศน์อัลจาซีราห์
ทักษิณพูดผ่านซีเอ็นเอ็นประมาณ 17.00 น.วันที่ 13 เม.ย.(ตามภาพที่ 1) ทีมงานนักโทษชายทักษิณได้ส่งภาพให้กับซีเอ็นเอ็น เพื่อหลอกคนทั่วโลก
ทักษิณพูดกับซีเอ็นเอ็นว่า ทหารไทยฆ่าประชาชน ยิงไปที่หัวใจ กระทำการฆ่าผู้ชุมนุมที่สงบ ปราศจากอาวุธ โดยอ้างว่าคำกล่าวของโรงพยาบาล และรัฐบาล ตลอดจนสื่อมวลชนในประเทศ โกหกและปกปิดข้อเท็จจริง
พร้อมกับแสดงภาพตอนท้าย เป็นรูปผู้ชายคนหนึ่งเลือดอาบแขนและมีรูกระสุนอยู่ตรงหน้าอกด้านซ้ายใกล้หัวใจ ซึ่งได้ถูกสลายการชุมนุมบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ตอนเช้าวันที่ 13 เม.ย.

แม้ว่าผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นในวันนั้นไม่ได้ให้ความเชื่อถือในนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร แต่ภาพนี้ได้ทำให้ผู้ประกาศข่าวของซีเอ็นเอ็นมีความแปลกใจในภาพที่ปรากฏนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้โต้ตอบทันทีในเวลาประมาณ 17.15 น. ผ่านซีเอ็นเอ็นทางโทรศัพท์ว่า ทหารไทยไม่ได้ใช้อาวุธยิงประชาชน เป็นเพียงการยิงขึ้นฟ้าและกระสุนซ้อม และไม่มีผู้เสียชีวิตแม้แต่รายเดียว
วันที่ 14 เมษายน 2552 นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ยังคงได้ใจและให้สัมภาษณ์ไปยังสำนักข่าวอัลจาซีราห์ อีกครั้งหนึ่งพร้อมกับพิมพ์ภาพและแสดงภาพด้วยตัวเองระหว่างการสัมภาษณ์เพื่อโกหกชาวต่างประเทศว่าทหารฆ่าประชาชน (ตามภาพที่ 2 – 5)




ภาพของชายที่นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ได้แสดงต่อผู้สื่อข่าวต่างประเทศนั้น เป็นภาพเดียวกันกับที่แกนนำของคนเสื้อแดงใช้ปลุกระดมตลอดวันที่ 13 เมษายน 2552 ว่าทหารฆ่าประชาชน และเป็นผลทำให้เกิดการจลาจลและการก่อวินาศกรรมหลายจุดในกรุงเทพมหานคร
แกนนำเสื้อแดง ใช้กรณี นายไสว ทองอ้ม ปลุกระดมก่อจลาจล
จากการตรวจสอบพบว่า ชายคนดังกล่าวที่ปรากฏในภาพนั้นชื่อ นายไสว ทองอ้ม ซึ่งผู้ที่ขึ้นเวทีของคนเสื้อแดงอ้างว่า เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิร่วมกตัญญูที่เป็นเสื้อแดงเป็นคนห่อศพชายคนนี้ไปที่โรงพยาบาลราชวิถี และยืนยันบนเวทีว่าชายคนดังกล่าวเสียชีวิตแล้ว และศพอยู่ที่โรงพยาบาลราชวิถี
จากกรณีดังกล่าวได้ปรากฏว่าทำให้แกนนำ นปช.บางคนปลุกระดมให้คนไปเอารถเมล์มากีดขวาง เตรียมยาง และทำทุกวิถีทางเพื่อตอบโต้กับฝ่ายทหารในทุกวิถีทาง และเชิญชวนให้ประชาชนไปทวงคืนศพมาจากโรงพยาบาลราชวิถี เพื่อเปิดโปงรัฐบาลว่าปิดกั้นข้อเท็จจริงเรื่องที่ทหารฆ่าประชาชน
ปรากฏว่าเวลา 11.10 น.วันที่ 13 เม.ย. ม็อบเสื้อแดงประมาณ 50 คน ได้เคลื่อนกำลังไปที่โรงพยาบาลราชวิถี เพื่อขอรับศพนายไสว ทองอ้ม ที่แกนนำเสื้อแดงอ้างว่าเสียชีวิตจาการสลายการกีดขวางการจราจรที่บริเวณสามแยกดินแดง
พญ.วารุณี จินารัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี ยืนยันกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่เดินทางมาขอรับศพว่า ไม่มีผู้เสียชีวิต เพราะมีเพียงผู้บาดเจ็บที่เข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลราชวิถีจำนวน 8 คน ในจำนวนนี้มีบาดเจ็บสาหัส 1 คน คือ นายไสว ทองอ้ม อายุ 40 ปี ซึ่งขณะนี้แพทย์ได้ส่งตัวเข้าไปพักรักษาในห้องไอซียู แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่เชื่อ
พญ.วารุณี จินารัตน์ จึงให้กลุ่มผู้ชุมนุมส่งตัวแทนขึ้นไปดูภายในห้องไอซียู ว่าใช่บุคคลคนเดียวกันหรือไม่ ซึ่งหลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมได้เห็นนายไสว ก็ยืนยันว่าเป็นบุคคลเดียวกันและยังไม่เสียชีวิต (ตามภาพที่ 6)
จากกรณีดังกล่าวเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลยังระบุด้วยว่า เมื่อเช้าวันเดียวกัน (13 เมษายน 2552) นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำม็อบเสื้อแดง ก็ได้มาเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลแล้ว ซึ่งก็ทราบดีว่าไม่มีผู้เสียชีวิต จึงไม่เข้าใจว่าใครไปปล่อยข่าวคลาดเคลื่อนถึงขนาดนั้น
หลังจากได้รับทราบข้อเท็จจริงดังกล่าว ก็ไม่ปรากฏว่าผู้ที่ได้รับทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดไปแก้ข่าวบนเวทีคนเสื้อแดงแต่ประการใด ยังคงปล่อยให้เกิดการปลุกระดมบนความเข้าใจว่านายไสว ทองอ้ม เสียชีวิตไปแล้ว
จึงมีข้อน่าสงสัยว่า ต้องการฉวยโอกาสใช้ประเด็นอันเป็นเท็จดังกล่าวปลุกระดมให้ประชาชนโกรธแค้นและก่อจลาจลแบบไม่รับผิดชอบหรือไม่?

หลักฐานแสดงชัดไม่ใช่อาวุธของทหาร
วันที่ 14 เมษายน 2552 ฝ่ายกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (กอฉ.) ได้นำแพทย์ผู้รักษานายไสว ทองอ้ม มายืนยันว่า นายไสว ทองอ้ม ยังไม่เสียชีวิต และไม่ได้ถูกยิงโดยอาวุธของฝ่ายทหาร ตามที่ได้มีการปลุกระดมแต่ประการใด ตามหลักฐานดังต่อไปนี้
1.ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และยังไม่เสียชีวิต

2.ขนาดกระสุนเป็นขนาด 9 มม. ซึ่งสามารถดูได้จากแผลของนายไสว ทองอ้ม แตกต่างจากอาวุธของทหารซึ่งเป็นปืน M-16 ถ้าถูกยิงจริงจะทำให้กระดูกแตกละเอียด (ตามภาพที่ 8-11)




จากหลักฐานแสดงจึงสรุปได้ว่า นายไสว ทองอ้ม ยังไม่เสียชีวิต และโดนถูกยิงโดยอาวุธปืนที่ไม่ได้เป็น M-16 จากฝ่ายทหาร ซึ่งฝ่ายทหารก็โดนยิงโดยอาวุธปืนด้วยกระสุนขนาด 9 มม. และปืนลูกโม่ขนาด .38
หลักฐานวิดีโอจาก YouTube แสดงฝ่ายแดงเริ่มรุนแรงก่อน
จากการที่ฝ่ายคนเสื้อแดงพยายามกล่าวหาว่าฝ่ายทหารได้กระทำรุนแรงต่อประชาชนในเช้ามืดในวันที่ 13 เมษายน 2552
อย่างไรก็ตาม วันที่ 14 เมษายน 2552 เว็บไซต์ASTV ผู้จัดการออนไลน์ www.manager.co.th ได้รับข้อมูลจากผู้ที่ได้โพสต์เอาไว้ใน You tube ตามข่าวเรื่อง ชมชัดๆ! “กบฏเสื้อแดง” เขวี้ยงระเบิดเพลิง-ขับรถชนทหาร แยกดินแดง ซึ่งปรากฏเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นชัดเจนว่าฝ่ายกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นฝ่ายเริ่มความรุนแรงก่อน
ทั้งนี้ ได้มีประชาชนผู้รักชาติบันทึกภาพวิดีโอการประจันหน้าของเจ้าหน้าที่ทหารและกลุ่มผู้ก่อการจลาจลไว้ได้อย่างชัดเจน โดยเป็นภาพถ่ายจากมุมสูง
ภาพดังกล่าวเป็นหลักฐานที่บ่งชี้อย่างชัดเจนว่า เสื้อแดงเริ่มต้นใช้ความรุนแรงก่อน ด้วยการปาระเบิดเพลิงเข้าใส่แนวของทหาร จากนั้นจึงมีการขับรถแท็กซี่พุ่งเข้าชนแนวป้องกันของทหาร ส่งผลให้มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง และในตอนท้ายของคลิปยังมีเสียงปืนยิงขึ้นดังสนั่นอีกด้วย โดยไม่สามารถแบ่งแยกได้ว่าเสียงที่เกิดขึ้นเสียงปืนฝ่ายทหารที่ป้องกันตัว หรือ ฝ่ายเสื้อแดงที่ต้องการทำร้ายเจ้าหน้าที่กันแน่
สำหรับ ผู้ที่เผยแพร่คลิปดังกล่าวนี้ในเว็บไซต์ Youtube ระบุว่า “คลิปนี้อัปขึ้นเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าเสื้อแดงเป็นคนเริ่มก่อน และทหารเป็นผู้ถูกกระทำ ขอให้กำลังใจทหารทุกนาย อดทน และปกป้องประชาชนต่อไปครับ”





แม้ว่านายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการทุกโรงพยาบาลจะยืนยันว่าไม่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่มีคนเสื้อแดงถูกอาวุธของฝ่ายทหารยิง ในทางตรงกันข้าม ทหารกลับได้รับบาดเจ็บจากอาวุธปืนพกจากคนเสื้อแดง เพราะฝ่ายทหารยิงปืนขึ้นฟ้า และใช้กระสุนซ้อมซึ่งเป็นหัวกระดาษยิงขนานใส่ผู้ชุมนุม จึงย่อมไม่มีผู้ที่เสียชีวิต แต่กลุ่มผู้ชุมนุมกลับไม่ยอมเชื่อและนำไปเป็นปลุกระดมคนเสื้อแดงต่อไป
หลังจากนั้นในช่วงเย็นวันที่ 13 เมษายน 2552 นักโทษชายทักษิณได้ใช้ภาพโกหกชาวต่างประเทศ 2 ครั้ง ผ่านการให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น และในวันที่ 14 เม.ย. ได้อ้างถึงภาพนั้นอีกครั้งผ่านสถานีโทรทัศน์อัลจาซีราห์
ทักษิณพูดผ่านซีเอ็นเอ็นประมาณ 17.00 น.วันที่ 13 เม.ย.(ตามภาพที่ 1) ทีมงานนักโทษชายทักษิณได้ส่งภาพให้กับซีเอ็นเอ็น เพื่อหลอกคนทั่วโลก
ทักษิณพูดกับซีเอ็นเอ็นว่า ทหารไทยฆ่าประชาชน ยิงไปที่หัวใจ กระทำการฆ่าผู้ชุมนุมที่สงบ ปราศจากอาวุธ โดยอ้างว่าคำกล่าวของโรงพยาบาล และรัฐบาล ตลอดจนสื่อมวลชนในประเทศ โกหกและปกปิดข้อเท็จจริง
พร้อมกับแสดงภาพตอนท้าย เป็นรูปผู้ชายคนหนึ่งเลือดอาบแขนและมีรูกระสุนอยู่ตรงหน้าอกด้านซ้ายใกล้หัวใจ ซึ่งได้ถูกสลายการชุมนุมบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ตอนเช้าวันที่ 13 เม.ย.
แม้ว่าผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นในวันนั้นไม่ได้ให้ความเชื่อถือในนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร แต่ภาพนี้ได้ทำให้ผู้ประกาศข่าวของซีเอ็นเอ็นมีความแปลกใจในภาพที่ปรากฏนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้โต้ตอบทันทีในเวลาประมาณ 17.15 น. ผ่านซีเอ็นเอ็นทางโทรศัพท์ว่า ทหารไทยไม่ได้ใช้อาวุธยิงประชาชน เป็นเพียงการยิงขึ้นฟ้าและกระสุนซ้อม และไม่มีผู้เสียชีวิตแม้แต่รายเดียว
วันที่ 14 เมษายน 2552 นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ยังคงได้ใจและให้สัมภาษณ์ไปยังสำนักข่าวอัลจาซีราห์ อีกครั้งหนึ่งพร้อมกับพิมพ์ภาพและแสดงภาพด้วยตัวเองระหว่างการสัมภาษณ์เพื่อโกหกชาวต่างประเทศว่าทหารฆ่าประชาชน (ตามภาพที่ 2 – 5)
ภาพของชายที่นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ได้แสดงต่อผู้สื่อข่าวต่างประเทศนั้น เป็นภาพเดียวกันกับที่แกนนำของคนเสื้อแดงใช้ปลุกระดมตลอดวันที่ 13 เมษายน 2552 ว่าทหารฆ่าประชาชน และเป็นผลทำให้เกิดการจลาจลและการก่อวินาศกรรมหลายจุดในกรุงเทพมหานคร
แกนนำเสื้อแดง ใช้กรณี นายไสว ทองอ้ม ปลุกระดมก่อจลาจล
จากการตรวจสอบพบว่า ชายคนดังกล่าวที่ปรากฏในภาพนั้นชื่อ นายไสว ทองอ้ม ซึ่งผู้ที่ขึ้นเวทีของคนเสื้อแดงอ้างว่า เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิร่วมกตัญญูที่เป็นเสื้อแดงเป็นคนห่อศพชายคนนี้ไปที่โรงพยาบาลราชวิถี และยืนยันบนเวทีว่าชายคนดังกล่าวเสียชีวิตแล้ว และศพอยู่ที่โรงพยาบาลราชวิถี
จากกรณีดังกล่าวได้ปรากฏว่าทำให้แกนนำ นปช.บางคนปลุกระดมให้คนไปเอารถเมล์มากีดขวาง เตรียมยาง และทำทุกวิถีทางเพื่อตอบโต้กับฝ่ายทหารในทุกวิถีทาง และเชิญชวนให้ประชาชนไปทวงคืนศพมาจากโรงพยาบาลราชวิถี เพื่อเปิดโปงรัฐบาลว่าปิดกั้นข้อเท็จจริงเรื่องที่ทหารฆ่าประชาชน
ปรากฏว่าเวลา 11.10 น.วันที่ 13 เม.ย. ม็อบเสื้อแดงประมาณ 50 คน ได้เคลื่อนกำลังไปที่โรงพยาบาลราชวิถี เพื่อขอรับศพนายไสว ทองอ้ม ที่แกนนำเสื้อแดงอ้างว่าเสียชีวิตจาการสลายการกีดขวางการจราจรที่บริเวณสามแยกดินแดง
พญ.วารุณี จินารัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี ยืนยันกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่เดินทางมาขอรับศพว่า ไม่มีผู้เสียชีวิต เพราะมีเพียงผู้บาดเจ็บที่เข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลราชวิถีจำนวน 8 คน ในจำนวนนี้มีบาดเจ็บสาหัส 1 คน คือ นายไสว ทองอ้ม อายุ 40 ปี ซึ่งขณะนี้แพทย์ได้ส่งตัวเข้าไปพักรักษาในห้องไอซียู แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่เชื่อ
พญ.วารุณี จินารัตน์ จึงให้กลุ่มผู้ชุมนุมส่งตัวแทนขึ้นไปดูภายในห้องไอซียู ว่าใช่บุคคลคนเดียวกันหรือไม่ ซึ่งหลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมได้เห็นนายไสว ก็ยืนยันว่าเป็นบุคคลเดียวกันและยังไม่เสียชีวิต (ตามภาพที่ 6)
จากกรณีดังกล่าวเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลยังระบุด้วยว่า เมื่อเช้าวันเดียวกัน (13 เมษายน 2552) นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำม็อบเสื้อแดง ก็ได้มาเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลแล้ว ซึ่งก็ทราบดีว่าไม่มีผู้เสียชีวิต จึงไม่เข้าใจว่าใครไปปล่อยข่าวคลาดเคลื่อนถึงขนาดนั้น
หลังจากได้รับทราบข้อเท็จจริงดังกล่าว ก็ไม่ปรากฏว่าผู้ที่ได้รับทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดไปแก้ข่าวบนเวทีคนเสื้อแดงแต่ประการใด ยังคงปล่อยให้เกิดการปลุกระดมบนความเข้าใจว่านายไสว ทองอ้ม เสียชีวิตไปแล้ว
จึงมีข้อน่าสงสัยว่า ต้องการฉวยโอกาสใช้ประเด็นอันเป็นเท็จดังกล่าวปลุกระดมให้ประชาชนโกรธแค้นและก่อจลาจลแบบไม่รับผิดชอบหรือไม่?
หลักฐานแสดงชัดไม่ใช่อาวุธของทหาร
วันที่ 14 เมษายน 2552 ฝ่ายกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (กอฉ.) ได้นำแพทย์ผู้รักษานายไสว ทองอ้ม มายืนยันว่า นายไสว ทองอ้ม ยังไม่เสียชีวิต และไม่ได้ถูกยิงโดยอาวุธของฝ่ายทหาร ตามที่ได้มีการปลุกระดมแต่ประการใด ตามหลักฐานดังต่อไปนี้
1.ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และยังไม่เสียชีวิต
2.ขนาดกระสุนเป็นขนาด 9 มม. ซึ่งสามารถดูได้จากแผลของนายไสว ทองอ้ม แตกต่างจากอาวุธของทหารซึ่งเป็นปืน M-16 ถ้าถูกยิงจริงจะทำให้กระดูกแตกละเอียด (ตามภาพที่ 8-11)
จากหลักฐานแสดงจึงสรุปได้ว่า นายไสว ทองอ้ม ยังไม่เสียชีวิต และโดนถูกยิงโดยอาวุธปืนที่ไม่ได้เป็น M-16 จากฝ่ายทหาร ซึ่งฝ่ายทหารก็โดนยิงโดยอาวุธปืนด้วยกระสุนขนาด 9 มม. และปืนลูกโม่ขนาด .38
หลักฐานวิดีโอจาก YouTube แสดงฝ่ายแดงเริ่มรุนแรงก่อน
จากการที่ฝ่ายคนเสื้อแดงพยายามกล่าวหาว่าฝ่ายทหารได้กระทำรุนแรงต่อประชาชนในเช้ามืดในวันที่ 13 เมษายน 2552
อย่างไรก็ตาม วันที่ 14 เมษายน 2552 เว็บไซต์ASTV ผู้จัดการออนไลน์ www.manager.co.th ได้รับข้อมูลจากผู้ที่ได้โพสต์เอาไว้ใน You tube ตามข่าวเรื่อง ชมชัดๆ! “กบฏเสื้อแดง” เขวี้ยงระเบิดเพลิง-ขับรถชนทหาร แยกดินแดง ซึ่งปรากฏเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นชัดเจนว่าฝ่ายกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นฝ่ายเริ่มความรุนแรงก่อน
ทั้งนี้ ได้มีประชาชนผู้รักชาติบันทึกภาพวิดีโอการประจันหน้าของเจ้าหน้าที่ทหารและกลุ่มผู้ก่อการจลาจลไว้ได้อย่างชัดเจน โดยเป็นภาพถ่ายจากมุมสูง
ภาพดังกล่าวเป็นหลักฐานที่บ่งชี้อย่างชัดเจนว่า เสื้อแดงเริ่มต้นใช้ความรุนแรงก่อน ด้วยการปาระเบิดเพลิงเข้าใส่แนวของทหาร จากนั้นจึงมีการขับรถแท็กซี่พุ่งเข้าชนแนวป้องกันของทหาร ส่งผลให้มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง และในตอนท้ายของคลิปยังมีเสียงปืนยิงขึ้นดังสนั่นอีกด้วย โดยไม่สามารถแบ่งแยกได้ว่าเสียงที่เกิดขึ้นเสียงปืนฝ่ายทหารที่ป้องกันตัว หรือ ฝ่ายเสื้อแดงที่ต้องการทำร้ายเจ้าหน้าที่กันแน่
สำหรับ ผู้ที่เผยแพร่คลิปดังกล่าวนี้ในเว็บไซต์ Youtube ระบุว่า “คลิปนี้อัปขึ้นเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าเสื้อแดงเป็นคนเริ่มก่อน และทหารเป็นผู้ถูกกระทำ ขอให้กำลังใจทหารทุกนาย อดทน และปกป้องประชาชนต่อไปครับ”