xs
xsm
sm
md
lg

คนตุลานับหัวม็อบแดงไม่เกิน 2 หมื่น - “สมเกียรติ” คาด 3 วันไม่ชนะลงใต้ดินแน่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชัยวัฒน์ สุรวิชัย
อดีตคนเดือนตุลา คาดม็อบแดงคนไม่เกิน 2 หมื่น เตือนหัวโจกอย่าแอบอ้างยิ่งใหญ่กว่า 14 ตุลา ชี้ “แม้ว” ข้อมูลพลาด โดนลูกน้องหลอก จวกทำตัวเป็น “สุนัขในรางหญ้า” ขวางรัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ด้าน “สมเกียรติ" มองยุทธศาสตร์ “นช.ทักษิณ” หวังผลระยะยาวตั้งรัฐไทยใหม่ ประกาศสงคราม ปชช. เดินแผนค่อยๆ เปลี่ยนความคิดคน แต่พลาดเลือก “ป๋าเปรม” เป็นเป้า คาดหาก 3 วันไม่ชนะ เล่นเกมใต้ดินแน่


 คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “คนในข่าว” 

รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางเอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-21.30 น. วันที่ 8 เม.ย. นางสาวรัตน์ติกรณ์ จารุเกษตรวิทย์ ดำเนินรายการ โดยมีนายชัยวัฒน์ สุรวิชัย ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาการเมืองภาคประชาชน และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นแขกรับเชิญร่วมวิเคราะห์การชุมนุมของคนเสื้อแดงและยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

**คาดม็อบแดงมาไม่เกิน 2 หมื่น

กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่าถ้าคนเสื้อแดงตาย 1 คน เขาจะกลับเข้ามานำทัพนั้น นายชัยวัฒน์กล่าวว่า ขอถามว่าในอดีตตอนเป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรม ขณะที่ลูกพรรคกำลังต่อสู้ในการเลือกตั้ง แต่ในที่สุด พ.ต.ท.ทักษิณก็ทิ้งพรรค จนได้ ส.ส.มาแค่คนเดียว ดังนั้นจึงขอเตือนแกนนำคนเสื้อแดง ไม่ว่านายวีระ มุสิกพงศ์ หรือใครก็ตาม จะประสบชะตากรรมแบบนี้ คือในที่สุดก็จะถูก พ.ต.ท.ทักษิณทิ้งหนีไป

ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณและแกนนำคนเสื้อแดงอ้างว่า การชุมนุมวันที่ 8 เม.ย.ยิ่งใหญ่กว่า 14 ตุลาคม หรือพฤษภาทมิฬนั้น นายชัยวัฒน์ในฐานะอดีตผู้ต้องหาคดีกบฏเรียกร้องรัฐธรรมนูญ ในช่วงเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณเชื่อในการสื่อสาร คิดว่าถ้าสื่อสารออกไปโดยพูดซ้ำบ่อยๆ แล้วคนจะเชื่อ และเก่งในการตัดสินใจ แต่ต้องมีข้อมูล ซึ่งคราวนี้ พ.ต.ท.ทักษิณพลาดเพราะอยู่ไกล และไม่มีข้อมูลที่เพียงพอ จึงถูกคนที่ต้องการสร้างผลงานที่บอกว่าถ้าคนมา 2-3 แสนก็จะได้ค่าใช้จ่าย แต่ตนในฐานะวิศวกรและพรรคพวกลองคำนวณดูแล้ว ผู้ชุมนุมครั้งนี้ไม่น่าเกิน 2 หมื่นคน จะเห็นว่าตั้งแต่เริ่มต้นชุมนุม 10 กว่าวันก่อนหน้านั้น ยังออกจากสนามหลวงไม่ได้ เพราะคนยังน้อยอยู่ เพราะฉะนั้นที่อ้างว่ายิ่งใหญ่กว่า 14 ตุลา หรือพฤษภาทมิฬนั้น อยากถามพี่น้องที่อยู่ในเหตุการณ์เดือนตุลาฯ ว่า ปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณมาแอบอ้างได้อย่างไร

อย่างไรก็ตาม นายชัยวัฒน์ย้ำว่า การชุมนุมครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่พลาดอย่างยิ่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนครั้งหนึ่งที่มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พ.ต.ท.ทักษิณให้โหรที่มีประวัติดีมาช่วย แต่โหรคนนั้นทำตามใจ พ.ต.ท.ทักษิณ เลือกตั้งครั้งนั้นจึงแพ้อย่างย่อยยับ พ.ต.ท.ทักษิณโชคดีครั้งเดียวตอนอยู่พรรคพลังธรรม เพราะคนในพรรคไม่มีผลประโยชน์เวลา พ.ต.ท.ทักษิณทำผิดเขากล้าวิจารณ์ แต่ตอนไปอยู่ไทยรักไทย ลุกน้องทุกคนเงียบหมด เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณบริหารแบบเผด็จการ เป็นซีอีโอ ไม่ไม่ใครกล้าเกียง มีอะไรให้เจ้านายพูดหมด

**ยุทธศาสตร์ “แม้ว” หวังผลยาว-เปลี่ยนโครงสร้างประเทศ

ด้าน นายสมเกียรติ กล่าวว่า การชุมนุมครั้งนี้เป็นการจัดตั้งกองทัพส่วนตัวที่แข็งขัน ที่หวังประโยชน์ระยะยาว ประโยชน์ระยะสั้นอาจไม่ได้ แต่ระยะยาวจะลดทอนสถาบันลงได้ ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณจึงบอกว่าจะเปลี่ยนแปลงเป็นรัฐไทยใหม่ แม้เขาจะอายุ 60 ปีก็ยังไม่สาย และพร้อมที่จะเหนื่อยตอนอายุ 60 อีกครั้ง เขาจะเริ่มต้นต่อสู่กับข้อถกเถียงในสังคมไทยเพื่อไปสู่เป้าหมายสูงสุด คือ ต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประเทศ นี่คือยุทธศาสตร์ของเขา และยุทธศาสตร์ที่ 2 คือ การได้อำนาจรัฐ ซึ่งเขาเคยได้มาแล้วสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แต่อยู่ไม่ได้ เพราะเป็นอำนาจรัฐที่ชั่วร้าย เป็นหุ่นเชิด

นายสมเกียรติกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาจไม่ได้ต้องการผลตอนอายุ 60 ปี ในการจะโค่นล้มสถาบันหลักในทันทีนั้นทำไม่ได้ เพราะกองทัพยังอยู่ พันธมิตรฯ ก็ยังอยู่ ผู้เลื่อมใสในระบอบการปกครองเดิมก็ยังอยู่ แต่เขาหวังผลในระยะ 10 ปีข้างหน้า เหมือนการล้มราชวงศ์เนปาล ที่กลุ่มกบฏลัทธิเหมาประกาศตั้งแต่ปี 2539 และโค่นล้มสำเร็จในเดือนเมษายน 2551 ซึ่งตอนนั้นเอ็นบีทีเอามาฉายซ้ำหลายรอบ เป็นการเปลี่ยนจากระบบกษัตริย์มาเป็นสาธารณรัฐ โดยใช้สภาและการเลือกตั้ง แต่ก่อนหน้านั้นมีการต่อสู้โดยกลุ่มกบฏลัทธิเหมาจนนำไปสู่การเจรจา และกลุ่มกบฏก็เปลี่ยนมาเป็นพรรคการเมืองลงเลือกตั้งและยึดสภาได้ในที่สุด ทั้งที่กลุ่มกบฏลัทธิเหมามีนักรบแค่ 2 หมื่นคน แต่เขาต่อสู้ไปเรื่อยๆ เหมือน พ.ต.ท.ทักษิณที่โฟนอินเข้ามาเรื่อยๆ เพื่อเปลี่ยนความคิดคน ถ้ารัฐไม่ตอบโต้ คนก็จะเชื่อว่า “รัฐไทยใหม่” ที่เขาจะสร้างขึ้นจะทำให้สังคมไทยดีขึ้นจริงๆ

“คิดว่าทักษิณไม่ต้องการเผด็จศึกตอนนี้ แต่หวังผลในระยะ 1-10 ปีข้างหน้า ซึ่งเหตุการณ์บ้านเมืองจะแปรปรวน สภาพไร้การบังคับทางกฎหมายจะเกิด แค่ชิมลาง เอาคน 20 คนไปรุมนายกฯ รัฐบาลยังทำอะไรไม่ได้ ต่อไปเขาจะมีเวทีเต็มที่ ทั้งในสภา ทั้งกองกำลังส่วนตัว ม็อบเสื้อแดง เพระราฉะนั้นอย่าให้ฝ่ายความมั่นคง สมช.ตอบโต้แค่ระดับยุทธวิธี แค่เอาคนไปล้อมบ้านป๋าไว้ เพราะเขาต่อสู้ทางยุทธศาสตร์ เรื่องการเปลี่ยนความเชื่อของคน” นายสมเกียรติกล่าว

นายสมเกียรติกล่าวต่อว่า อำนาจรัฐไทยตอนนี้กำลังทำลายประเทศทางอ้อม โดยไม่หักล้างข้อกล่าวหาของทักษิณ ทำให้คนในชาติหลงเชื่อในคำโฆษณาการ ไม่ใช่แค่พูดว่า ตอนนี้เป็นประชาธิปไตย ต้องดูแลไม่ให้นอกกรอบของกฎหมาย แต่เป็นสิทธิเสรีภาพที่จะทำได้ ซึ่งมันไม่ใช่ สิ่งที่ทักษิณพูดมันเป็นโฆษณาชวนเชื่อ เพราะฉะนั้นช่อง 11 ไม่ใช่โทรทัศน์แล้ว แต่มันเป็นอาวุธที่ต้องเอาออกมาสู้ ไม่ใช่ปล่อยให้พวกงี่เง่าไปพูด

นายสมเกียรติกล่าวอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะใช้วิธีค่อยๆ ให้การศึกษาคน ออกแบบให้เห็นว่า คนนั้นคนนี้เป็นศัตรูของประชาชน เช่น บอกว่าองคมนตรี เป็นศัตรูประชาธิปไตย วางแผนยึดอำนาจจากประชาชน ตอนแรกก็ตีเหมารวม ต่อมาก็แยกออกมา 2-3 คน และแยกองคมนตรีออกมาจากสถาบันสูงสุด รวมทั้งพยายามดึงเอาผู้ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็น 111 ศพ 109 ศพ มาเป็นพวกด้วย

ยุทธวิธีพลาด เลือกตี “ป๋า”

อย่างไรก็ตาม นายสมเกียรติกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณดำเนินยุทธวิธีพลาดที่เลือกเป้าที่แข็งที่สุดในประเทศไทย คือการโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้เห็นจังหวะก้าวของ พล.อ.เปรมที่ไปที่กองทัพภาคที่ 2 และคำประกาศของ พล.ร.ท.พะจุณณ์ ตามประทีป ว่าท่านไม่หนีไปไหน ทำให้เห็นถึงความสงบนิ่ง

“ยุทธิวิธีทักษิณผิดพลาดที่ไปล้อมบ้าน พล.อ.เปรม แกนนำเสื้อแดงคนหนึ่งที่เคยทำงานกับผม บอกว่าวันนี้ยิ่งใหญ่ที่สุด ผมอยากหัวเราะก๊าก เพราะมันไม่จริง โฆษกของพวกเขาถึงได้เลื่อนประกาศวันแตกหักออกไปเป็นพรุ่งนี้ 4 โมงเย็น จากที่เขาเคยบอกว่าจะประกาศวันแรกเลยให้เป็นวันแตกหัก วันที่ 8 เมษาฯ เป็นวันสุดท้ายของชีวิต พล.อ.เปรม ที่จริงมันเป็นวันสุดท้ายของพวกเสื้อแดงมากกว่า คุณลองบุกเข้าไปสิ มวลชนอันไพศาลทั่วประเทศจะออกมา ในที่สุดคุณก็ต้องถอนร่น แยกออกเป็น 3 เวที

ผมอยากให้ลองเทียบดู ระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับ พล.อ.เปรม คนหนึ่งโกงชาติฉิบหาย คนหนึ่งซื่อสัตย์สุจริต คนหนึ่งปล้นแผ่นดิน คนหนึ่งตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน มันเทียบกันได้อย่างไร” นายสมเกียรติกล่าว

“แม้ว” พลาดโดนคนใกล้ชิดปอกลอก

ด้านนายชัยวัฒน์ กล่าวเสริมว่า โดยนิสัยของ พ.ต.ท.ทักษิณแล้วเป็นคนใจร้อน ต้องการประสบความสำเร็จระยะสั้น แต่เขาพลาดที่หลงไปคิดว่าคนไม่เอาระบอบเดิมแล้ว เพราะไปเชื่อคนใกล้ชิดที่ให้ข้อมูล ขอบอกว่าตอนนี้พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีมิตรแท้ มีแต่มิตรเทียม มิตรปอกลอกที่หลอกใช้ และต่างคนต่างก็หลอกใช้กัน

นายชัยวัฒน์กล่าวต่อว่า ในด้านการทำธุรกิจ พ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจอย่างตรงไปตรงมา แต่ประสบความสำเร็จในธุรกิจที่ใช้อำนาจ เช่น สัมปทานดาวเทียม สัมปทานการสื่อสาร ในทางการเมืองก็เช่นกัน ถ้าเล่นการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยเขาก็ไม่ประสบความสำเร็จ แต่เขาประสบความสำเร็จเรื่องการใช้เงิน

“เขาไปอยู่พรรคพลังธรรม ตอนที่ผมอยู่ แล้วเขาก็ได้ข้อสรุปว่า นี่เขาพูดเลยว่า โดยระบบการเมืองแบบนี้ พรรคพลังธรรมเป็นพรรคที่ดีมาก ตั้งแต่ได้สัมพันธ์กับพรรคต่างๆ มา แต่อุดมการณ์แบบพรรคพลังธรรมไม่สามารถที่จะทำให้ได้จัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะฉะนั้นเขาขอเว้นวรรควิธีการแบบพรรคพลังธรรม นั่นคือเขาจะซื้อเสียง เพื่อให้เข้าไปมีอำนาจ เมื่อได้เป็นรัฐบาลมีอำนาจแล้ว เขาจึงจะใช้วิธีการแบบพรรคพลังธรรม แต่ปรากฏว่าพอเขาได้อำนาจแล้ว เขากลับคอร์รัปชั่น ยิ่งมีอำนาจมากยิ่งคอร์รัปชั่นมาก”นายชัยวัฒน์กล่าว

**เปรียบ “แม้ว” สุนัขในรางหญ้า

นายชัยวัฒน์กล่าวต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนเห็นแก่ตัวมาก ในภาวะที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังมีปัญหาวิกฤติอย่างนี้ เขากลับเห็นว่าอย่าปล่อยให้พรรคประชาธิปัตย์ได้มีโอกาสทำงาน ต้องหาทางขัดขวาง เพราะถ้าพรรคประชาธิปัตย์แก้ปัญหาได้จะทำให้ประชาชนลืมสิ่งที่เขาทำไว้ ตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณจึงเหมือนสุนัขในรางหญ้า คือหญ้ามันเป้นของวัวของควาย สุนัขมันกินหญ้าไม่ได้ แต่มันก็หวงไว้ เพราะเมือตัวเองไม่สามารถกินได้ คนอื่นก็อย่าได้กิน สรุปคือเขาจะเอาแต่ได้คนเดียวทั้งที่คนส่วนใหญ่เดือดร้อน

นายชัยวัฒน์กล่าวต่อว่า ตนรู้จักคนในพรรคเพื่อไทยหลายคนเขาเบื่อระอากับ พ.ต.ท.ทักษิณค่อนข้างมาก กับคนไม่กี่คน สิบกว่าคนที่มีบทบาท เขาด่าตลอดเวลา อยากฝากไปถึงนายวีระ ในฐานะเพื่อนกันว่า สมัยที่ตนอยู่พรรคพลังธรรมนั้น ทางพรรคอยากจะดึงนายวีระเข้ามาร่วมด้วย แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งคัดค้าน และอีกคนคือ พ.ต.ท.ทักษิณ เขาบอกว่า “ไอ้วีระมันโดนคดี เอาเข้ามามีแต่เสีย” นายวีระจึงไม่ได้เข้าพรรคพลังธรรม นายวีระอาจจะรู้เรื่องนี้แล้วก็ได้ แล้วตอนนี้ก็หลอกใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือต่างคนต่างหลอกใช้กันอยู่ก็ได้

** 3 จุดแข็งของระบอบทักษิณ

นายสมเกียรติกล่าวว่า ระบอบทักษิณที่เติบโตมา ตั้งแต่ปี 2544 ยังมีจุดแข็งอยู่ 3 จุด คือยังครองเสียข้างมากในสภาได้ นี่คือจุดที่เขาต้องการยุบสภา ซึ่งพรรครัฐบาลกลัว เขาจึงชอบอ้างอิงอำนาจของประชาชนอยู่เสมอ เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถทำคำชี้แอจงไปถึงประชาชนได้ เพราะระบบสื่อสารของเราล้มเหลว มีนโยบายใหม่ๆ เข้าไปได้บ้างเล็กน้อย เช่น เบี้ยยังชีพคนแก่คนละ 500 บาท อสม.คนละ 600 บาท 9.7 แสนคน เรียนฟรี 12 ล้านคน

จุดแข็งที่ 2 คือ เขาสร้างคู่ต่อสู้ได้ เพื่อแยกทำลายทีละองค์กร โดยสถาบันองคมนตรี เขาก็พุ่งไปที่คนแก่ 2 คน ที่แข็งที่สุด ซึ่งถ้าเขาเอาลงได้ สถาบันก็จะสั่นคลอน ขณะที่กองทัพก็ซื่อบื้อไร้ราคา และจุดแข็งที่ 3 ตอนนี้ระบบเศรษฐกิจมันพังทลายทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณเอาไปพูดยังไงเขาก็ดีไปหมด เพราะเศรษฐกิจมันซวนเซรัฐบาลแก้ยังไงก็ยังไม่เห็นผลเด่นชัด มันทำให้เห็นว่าระบอบทักษิณยังมีจุดแข็งในจุดอ่อน จึงไม่อยากให้ประมาทว่าเขามาได้แค่นี้ไปเยาะเย้ย เพราะรัฐห่วยๆ ในไทยมันก็มี

สงครามประชาชนเริ่มแล้ว-ระวังเกมใต้ดิน

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า สถานการณ์ขณะนี้ มันเหมือนกับตอนกบฏลัทธิเหมาประกาศสงครามในเนปาล เพราะมีการประกาศสงครรมประชาชน จะสร้างรัฐไทยใหม่ เพราะฉะนั้นจึงถือว่าเราอยู่ในสงคราม สื่อมวลชนที่รัฐมีต้องใช้เป็นอาวุธในการต่อสู้ ตอนนี้ไทยคม 5 มันจะพังทลายประเทศไทย ถ้าไม่จัดการ

นายสมเกียรติกล่าวต่อว่า สำหรับบทบาทพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น จะยังคงปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่อต้านระบอบทักษิณ แต่ถ้ารัฐบาลเพลี่ยงพล้ำจริงๆ เราคงมาปรึกษาหารือกัน เราคงยกประเทศไทยให้ระบอบทักษิณที่ชั่วร้ายและเป็นทุนสามานย์ไม่ได้ แต่การประกาศของเราต้องดูจังหวะก้าวให้ดี ไม่เช่นนั้นพันธมิตรฯ ก็จะกลายเป็นสุนัขล่าเนื้อไป เราขอให้สถาบันต่างๆ ในสังคมออกมาร่วมกันปกป้อง แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ เมื่อถึงเวลานั้น เราจึงจะมาปรึกษาหารือกัน

นายสมเกียรติกล่าวตอนท้ายว่า หาก 3 วันหลังจากนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็จะเข้าหลักสงครามประชาชน คือก่อความรุนแรงให้เหตุการณ์บานปลาย เป็นสงครามประชาชน ถ้าก่อความรุนแรง สร้างเงื่อนไขให้ทหารฆ่าประชาชนได้ก็จะเป็นข้ออ้างในเวทีสากลได้ทันที นี่คือหลักของสงครามประชาชน คือถ้าต่อสู้บนดินไม่ได้ผลก็ไปต่อสู้ใต้ดิน

รัตน์ติกรณ์ จารุเกษตรวิทย์

สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์

กำลังโหลดความคิดเห็น