“111 ซากศพ ทรท.” สบช่องโหนกระแส “เสื้อแดง” เตรียมขึ้นเวทีโจมตีรัฐบาล 3 เม.ย.นี้ ด้าน “สมชาย” โว “ ม็อบถ่อย” ของจริง ไม่มีเกณฑ์คนเข้าร่วมชุมนุม ขณะที่ “กมธ.ไข่แม้ว” ดิ้นสุดตัวหาช่องแก้รัฐธรรมนูญหวังช่วย “นายใหญ่” ส่วน “ส.ส.อีสาน เพื่อไทย” สุดเพ้อ ระดม “แดงภูธร” เข้า กทม.นับล้านคน ก่อน 8 เม.ย.
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมกันของอดีตตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย หรือบ้านเลขที่ 111 และอดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย โดยมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน นอกจากนี้ยังมีนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล และนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ร่วมประชุมด้วย เพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
โดยนายสมชายประเมินสถานการณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช.ว่า ขณะนี้ถือว่ากลุ่มคนเสื้อแดงสามารถต่อสู้ได้ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เนื่องจากกระแสสังคมตอบรับดี มีประชาชนที่เป็นของจริง ไม่มีการจัดตั้ง แต่มาร่วมชุมนุมเอง ไม่มีนักการเมืองมานำหน้า แต่เป็นม็อบประชาชนจริงๆ โดยเฉพาะภายหลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ อยู่เบื้องหลังการโค่นล้มอำนาจรัฐบาลไทยรักไทย ยิ่งทำให้เกิดแนวร่วมจากหลายๆ ฝ่ายมากขึ้น เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้สังคมได้รู้ความจริงอีกด้าน และถือว่าเป็นความจริงที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมดังกล่าวนายสมชาย และสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ยังเห็นตรงกันด้วยว่า คนในบ้านเลขที่ 111 และอดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ที่ยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย ควรไปขึ้นเวทีกับกลุ่มคนเสื้อแดงตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาเรียกร้อง เพื่อแสดงจุดยืนในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ทั้งนี้ที่ประชุมจึงได้นัดสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ให้ไปขึ้นเวทีที่ทำเนียบพร้อมกันในวันศุกร์ที่ 3 เม.ย.นี้ เวลา 19.00 น.
ด้าน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย และคนใกล้ชิดนายสมชาย กล่าวว่า ทางกลุ่มสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ได้นัดกันไปขึ้นเวทีจริง ซึ่งนายสมชาย จะเป็นแกนนำเดินทางไปขึ้นเวทีปราศรัยกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่หน้าทำเนียบฯ ในวันศุกร์นี้พร้อมกับสมาชิกบ้านที่ 111 หลายคน ส่วนจะปราศรัยประเด็นอะไรนั้น ตนยังไม่ทราบรายละเอียด แต่คาดว่าการขึ้นเวทีของกลุ่มบ้านเลขที่ 111 ครั้งนี้ น่าจะเป็นการไปแสดงจุดยืนเพื่อต่อสู้กับระบอบอมาตยาธิปไตย และรักษาประชาธิปไตยร่วมกับกลุ่มเสื้อแดงมากกว่า
ขณะที่ นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการฯว่า ที่ประชุมได้เชิญนายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร มาชี้แจงในกรณีที่นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นเรื่องต่อประธานสภาฯ เพื่อให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของนายสามารถ ซึ่งกล่าวในงานสัมมนาพรรคเพื่อไทย ตอนหนึ่งว่า “รัฐธรรมนูญให้เอกสิทธิ์ ส.ส.โหวตลงคะแนน ทำให้เกิดงูเห่าในพรรคการเมือง เมื่อมีการโหวตเรื่องสำคัญในสภาฯ แต่ละครั้ง ไม่ต้องเข้าไปตกลงกันในห้องน้ำเหมือนในอดีต สมัยนี้เปิดกระโปรงท้ายรถรอเดี๋ยวเดียวก็มีคนเอากระเป๋าไปใส่ให้”
“ซึ่งประธานสภาฯได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมาธิการฯตรวจสอบแล้วพบว่า เรื่องนี้มีมูลว่านายสามารถพูดจริง โดยเป็นคำอุปมาอุปไมยว่าต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องมติพรรค ไม่ใช่ให้เป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.ในการโหวตเรื่องสำคัญ เพราะถ้าไม่แก้ไข จะเป็นการเปิดช่องให้ ส.ส.รับเงิน และจะเสียหายต่อสภาฯ ได้ ดังนั้นจากนี้ไปจะมีการเสนอผลสรุปให้กับประธานสภาฯ ต่อไป”
รายงานแจ้งเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา มีการหารือกันของ ส.ส.ภาคอีสานพรรคเพื่อไทย โดยนายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ส.ส.ภาคอีสาน ว่า ได้หารือกันถึงการเชื่อมกันระหว่าง ส.ส.ในพื้นที่จังหวัดต่างๆ กับคนเสื้อแดงในจังหวัดนั้น หลังจากที่ ส.ส.ภาคอีสาน ตามกระแสไม่ทัน วิวัฒนาการทางการเมืองของคนเสื้อแดง เพราะตกข่าว ไม่ได้ติดตามดูสถานีโทรทัศน์ดีทีวี ทั้งๆ ที่การเคลื่อนไหวจะต้องเป็นระบบ และเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ใช่ปล่อยให้ต่างคนต่างทำ ซึ่งจะไม่เป็นเอกภาพ และถือเป็นจุดด้อยของ ส.ส.ด้วย
“แม้ ส.ส.ไม่อยากเป็นเจ้าภาพในการนำคนเสื้อแดงครั้งนี้ แต่ก็ไม่พ้นความรับผิดชอบของผู้แทนที่จะต้องทำหน้าที่เชื่อมต่อ คนเสื้อแดงจะเคลื่อนไหวอย่างไรในจังหวัด ก็ขอให้มาบอกหน่อย เพื่อให้การเคลื่อนไหวเป็นเอกภาพ ที่ผ่านมาจะมีการสั่งการจากคนเสื้อแดงใน กทม.มายังคนเสื้อแดงต่างจังหวัด ทำให้ ส.ส.ในพื้นที่ไม่ทราบ ทำให้ประสิทธิภาพการเคลื่อนไหวลดลง ดังนั้นจากนี้ไปคนเสื้อแดงจะเคลื่อนอย่างไรในจังหวัด ส.ส.จะต้องรู้” นายไพจิต กล่าว
ด้าน นายปรีชา เร่งสมบูรณ์ ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า มีการหารือถึงเรื่องที่ชมรมเสื้อแดงแต่ละจังหวัดในภาคอีสาน 19 จังหวัด และในภาคเหนือ 16 จังหวัด ว่าจะเคลื่อนไหวกันอย่างไร ซึ่งปรากฏว่าขณะนี้ ประชาชนในจังหวัดต่างๆ ได้บริจาคข้าวสาร อาหารแห้ง และเงิน เพื่อเป็นทุนในการเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล เนื่องจากแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ และรัฐบาลมีที่มาไม่ถูกต้อง โดยชมรมเสื้อแดงจังหวัดต่างๆ จะเริ่มทยอยเดินทางเข้า กทม.ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.เป็นต้นไป อย่างน้อยจังหวัดละ 1 หมื่นคนขึ้นไปพร้อมกันหมดทุกจังหวัด โดยมีเป้าหมายที่ทำเนียบฯ ก่อนวันที่ 8 เม.ย.นี้
“ดังนั้นคาดว่าคนเสื้อแดงจะมาร่วมชุมนุมในวันที่ 8 เม.ย.ประมาณ 1 ล้านคน เพื่อเตรียมฉลองเทศกาลสงกรานต์ที่ทำเนียบฯ ขอให้ ครม.ทุกคนอยู่ที่ทำเนียบฯ อย่าหนีไปไหน คนเสื้อแดงจะขอรดน้ำดำหัว และขอพร ส่วนกรณีที่รัฐมนตรีหลายคนระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอิน อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายนั้น ถ้าหากรัฐบาลกลัว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ขอให้รีบออกกฎหมายห้ามโฟนอิน เพราะการแสดงความคิดเห็นได้รับการคุ้มครองจากรัฐธรรมนูญ” นายปรีชา กล่าว