“อภิสิทธิ์” ปัดไม่ทราบทราบงดประชุมครม.พรุ่งนี้ มอบ “สุเทพ” จัดการ เผยมีภารกิจเข้าเฝ้าถวายพระพรสมเด็จพระเทพฯ ก่อนบินร่วมประชุมจี 20 ในช่วงบ่ายพรุ่งนี้ เมินกลุ่มเสื้อแดงโห่ไล่หน้ายูเอ็น เร่งเดินสายทำงานนอกทำเนียบ มอบรางวัลข้าราชการพลเรือนดีเด่น หวัง ขรก.ยุคใหม่ใฝ่รู้บูรณาการทันโลกยุคโลกาภิวัตน์ ยึดหลัก”คุณธรรม-ธรรมภิบาล- เศรษฐกิจพอเพียง”ลั่นการพาดพิงสถาบันต้องยุติ เร่งสกัดทุกทั้งยอมรับรัฐบาลทำเองไม่ได้
วันนี้(30 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมากได้เดินทางออกจากบ้านพักตั้งแต่ช่วงเช้า โดยได้ให้สัมภาษณ์บนรถยนต์ส่วนตัวกับนายกนก รัตน์วงศ์สกุล ผู้ประกาศข่าวรายการ "เช้าข่าวข้น คนข่าวเช้า" เพื่อบันทึกเทปโทรทัศน์ออกอากาศในรายการในวันพุธที่ 1 เมษายนนี้ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีมีภารกิจเข้าร่วมประชุมสมัชชา FAO ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ 29 โดยขบวนรถนำได้หลีกเลี่ยงใช้เส้นทางถนนราชดำเนิน โดยใช้ถนนราชสีมา เข้าสู่ถนนวิสุทธิ์กษัตริย์ และเลียบทางคู่ขนานสะพานพระราม 8 เข้าสู่แยกจปร. แล้วเลี้ยวซ้ายเข้า ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ซึ่งมีกลุ่มเสื้อแดงจำนวนหลายร้อยคนชูตีนตบและตะโกนไล่เสียงดัง จนทำให้เจ้าหน้าที่ต้องตรึงกำลังเข้าป้องกันเหตุ เพราะเกรงว่า กลุ่มผู้ชุมนุมจะบุกมายังหน้าสหประชาชาติ อย่างไรก็ตามทางกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงได้เพียงแต่ยืนเรียงแถวอยู่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์เท่านั้น ไม่ได้ข้ามมาฝั่งสหประชาชาติแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ยังไม่ทราบเรื่องงดการประชุมคณะรัฐมนตรีวันพรุ่งนี้ โดยต้องสอบถามจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ซึ่งตนจะได้หารือกันในวันนี้ด้วย แต่ส่วนตนเองจะไม่เข้าร่วมประชุม เพราะจะนำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อถวายพระพร และเดินทางไปประชุม จี20 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ได้รับทราบสถานการณ์ล่าสุดวันนี้ยังไม่มีอะไรพิเศษ ทั้งนี้ย้ำว่า การพาดพิงสถาบันต้องพยายามหยุด ซึ่งรัฐบาลพยายามดูแลทั้งด้านกฎหมาย เทคโนโลยี และด้านต่างประเทศ ซึ่งบางเรื่องยอมรับว่ารัฐบาลทำโดยลำพังไม่ได้
หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปยังหอประชุมกรมประชาสัมพันธ์ เพื่อเป็นประธานพิธีเชิดชูเกียรติข้าราชการพลเรือนดีเด่นประจำปี 2551 เนื่องในวันข้าราชการพลเรือน และมอบรางวัลการบริหารทรัพยากรบุคคล ประจำปี 2551
นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวมอบโอวาทให้ข้าราชการพลเรือนที่ได้รับรางวัลใจความตอนหนึ่งว่า ขอแสดงความยินดีต่อผู้ได้รับรางวัลถือได้ว่าได้รับการยอมรับจากการเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งในด้านการครองตน ครองงาน ความวิริยะอุตสาหะ ที่ได้อุทิศตน หวังว่าการได้รับรางวัลในครั้งนี้จะเป็นขวัญและกำลังใจในหารทำหน้าที่ให้ดียิ่งขึ้นไป หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หน่วยงานที่ได้รับรางวัลบริหารทรัพยากรบุคคลจะสามารถรักษาความเป็นแบบอย่างที่ดีได้ต่อไป
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า การพัฒนาสังคมประเทศชาติ และการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง โดยเฉพาะการสร้างความเจริญก้าวหน้านั้น ตนยืนยันตลอดว่าจะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน การปฏิบัติงานของข้าราชการนั้นต้องมีความเสียสละในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทน ซื่อสัตย์สุจริต มีคุณธรรมจริยธรรม และมีจิตอาสา โดยยึดหลักธรรมาภิบาล โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ระบบเศรษฐกิจและสังคมไทยเปิดกว้างสู่โลกาภิวัฒน์ และมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น เมื่อเทคโนโลยีเข้าสู่สังคมไทยอย่างต่อเนื่อง หากข้าราชการไทยไม่มีความใฝ่รู้ต่อเนื่อง เรียนรู้ตลอดเวลา ก็ไม่สามารถวิเคราะห์ กลั่นกรองใช้เหตุผลในการบริหารจัดการข้อมูลต่างๆ การทำงานของข้าราชการสมัยใหม่ จึงจำเป็นต้องบูรณาในหลายหน่วยงานและทำงานเป็นศูนย์กลางเพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้ประกาศเจตนารมณ์ด้านการเสริมสร้างมาตรฐานด้าน คุณธรรม จริยธรรมและหลักธรรมาภิบาล รวมไปถึงการเสริมสร้างสังคมให้ยึดหลักซื่อสัตย์สุจริต ยึดหลักความถูกต้องเป็นธรรม ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการบริหารราชการ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ข้าราชการจะนำแนวทางเหล่านี้ไปปฏิบัติเพื่อให้ประเทศชาติมีความเจริญก้าวหน้า ยั่งยืนตลอดไป รวมไปถึงขอให้รักษามาตรฐานการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามแนวทางคุณธรรม จริยธรรม ตามแนวทางที่ข้าราชการพลเรือนได้วางไว้ ขอให้มีกำลังใจทำงานเพื่อร่วมกันฟันฝ่าปัญหานานา นัปการ เพื่อนำพาประเทศชาติและพี่น้องประชาชนไปสู่การพัฒนาที่ปรารถนาร่วมกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นเวลา 11.30 น. นายอภิสิทธิ์ ได้ใช้เวลารับประทานอาหารกลางวันที่กรมประชาสัมพันธ์ และใช้เวลาหารือข้อราชการกับนาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ที่เข้ารายงานสถานการณ์กับนายกฯ ที่กรมประชาสัมพันธ์นานถึง ชั่วโมงครึ่ง ก่อนเดินทางไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงรับรองที่กระทรวงการต่างประเทศ และกล่าวปาฐกถา เรื่อง “ Thailand ’s Foreign Policy in the 21 st Century” ก่อนเดินทางไปยังโรงแรมรอยัลริเวอร์ เพื่อกล่าวปาฐกถา เรื่อง “วิกฤติชายแดนใต้จะยุติได้อย่างไร” ในเวลา 15.00 น.
