พท.ร้อง กกต.ยื่นศาล รธน.สอบ “เทพเทือก” ข้อหาส่ง ส.ส.พรรคแทรกแซงงานกระทรวงวัฒนธรรม ขัด รธน.เชื่อมีแผนโยกงบลงพื้นที่รองรับการหาเสียงเลือกตั้งล่วงหน้า แถมนั่ง ปธ.กตร.โดยไม่มีอำนาจ ขณะเดียวกันเตรียมรวมชื่อ ส.ส.ยื่นถอดถอนสัปดาห์หน้า
วันนี้ (25 มี.ค.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย เดินทางมายื่นคำร้องต่อ กกต.ให้ตรวจสอบการกระทำของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กรณีที่เข้าไปก้าวก่ายและแทรกแซงการปฏิบัติราชการในกระทรวงวัฒนธรรม โดยการส่ง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และผู้อื่นรวม 19 คน ไปช่วยราชการในกระทรวงดังกล่าว โดยมีการนำหลักฐานเป็นสำเนาหนังสือราชการจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ลงนามโดยนายสุเทพที่ขอให้ ส.ส.ไปช่วยราชการในกระทรวงวัฒนธรรม โดยมีนายปกครอง สุนทรสุทธิ์ รองเลขาธิการ กกต.ด้านพรรคการเมือง เป็นผู้รับเรื่อง
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า สำหรับการกระทำของนายสุเทพ อาจเข้าข่ายต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 268 ประกอบมาตรา 266 (1) ซึ่งมีผลทำให้ความเป็นรองนายกรัฐมนตรีของนายสุเทพ ต้องสิ้นสุดลงตามมาตรา 182(7) ส่วน ส.ส.ที่มีรายชื่อในหนังสือดังกล่าว หากตรวจสอบพบว่าเข้าไปทำหน้าที่ในกระทรวงวัฒนธรรมจริง ถือว่ามีความผิด ตามมาตรา 265 (1) ซึ่งทำให้สมาชิกภาพของการเป็น ส.ส.ต้องสิ้นสุดลง ตามมาตรา 106 (6) นอกจากนี้ การกระทำของนายสุเทพดังกล่าวถือเป็นการจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ อันเป็นเหตุให้ต้องถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 อีกด้วย ซึ่งรวมถึงเรื่องกรณีไปเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) โดยขัดต่อ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ และจะรวบรวมรายชื่อ ส.ส.1 ใน 4 ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 271 จำนวน 116 คน ซึ่งจะยื่นถอดถอนต่อประธานวุฒิสภาต่อไปภายในสัปดาห์หน้า
“นายสุเทพเป็นถึงรองนายกฯ ส.ส. เป็นผู้จัดการใหญ่ของรัฐบาล เป็นนักการเมืองหลายสมัย หากไม่รู้ข้อกฎหมายก็สมควรลาออกไป เพราะการกระทำที่เกิดขึ้นเป็นการลุแก่อำนาจ ขอเรียกร้องให้ ส.ส.ดังกล่าวรีบกลับกรมกองโดยด่วน เพราะผมมีภาพถ่ายและวิดีโอที่พร้อมยื่น กกต.ไว้หมดแล้ว ซึ่งจะนำไปสู่การถอดถอนออกจากตำแหน่ง ส.ส.ได้ ”
เมื่อถามว่าการย้าย ส.ส.เข้าไปอยู่ในกระทรวงวัฒนธรรมจะมีผลประโยชน์อะไรเกี่ยวข้องหรือไม่ นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ตนเคยทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา รมว.วัฒนธรรม และโฆษกมาก่อน ทำให้ทราบว่าการให้ ส.ส.และผู้อื่นรวม 19 คนไปช่วยราชการที่กระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงอื่นที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นเจ้ากระทรวงอยู่อาจมีการเกี่ยวโยงถึงการนำเงินงบประมาณของในกระทรวงไปลงในพื้นที่จังหวัดของตัวเอง ซึ่งสามารถใช้ปูทางรองรับการหาเสียงเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามขณะนี้ทุกกระทรวงถูกฝ่ายการเมืองเข้าไปก้าวก่ายทำให้ข้าราชการทำงานอย่างลำบากใจ
เมื่อถามว่า สมัยที่พรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาลก็มีการส่ง ส.ส.เข้าไปช่วยราชการในกระทรวงมหาดไทย นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า หากมีเรื่องทำนองนี้จริงก็ขอให้ร้องเรียนเข้ามา ถ้ามีลักษณะผมชั่วคุณก็เลว ก็ขอให้ร้องเรียนกันเข้ามาได้
เมื่อถามว่า หลักฐานที่ได้แสดงว่าคนของพรรคประชาธิปัตย์นำมามอบให้พรรคเพื่อไทยใช้หรือไม่ นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ต้องถามฝ่ายรัฐบาลเองว่า หลังจากอภิปรายเอกสารมันมาได้อย่างไร ข้าราชการในกระทรวงคงไม่นำมาให้ตนเพราะกลัว ซึ่งหลักฐานที่ได้มานั้นคงต้องให้พรรคประชาธิปัตย์ไปถามกันเอาเอง
นายพร้อมพงศ์กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยจะยื่นเอกสารข้อมูลเกี่ยวกับเงินบริจาค 258 ล้านบาท และเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองที่ให้ กกต.ตรวจสอบว่า ทางพรรคได้มอบหมายให้นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทยเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าคงจะสามารถยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบได้ อย่างไรก็ตาม ทางขณะนี้คงต้องรอดูว่า กกต.จะรับสำนวนที่ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ส่งเรื่องมาให้พิจารณาต่อหรือไม่ ซึ่งถ้า กกต.ไม่รับพิจารณาต่อ ก็อาจจะเป็นไปได้ว่ามีการพยายามเตะถ่วงดึงเรื่องช่วยเหลือใครหรือไม่
“การที่พรรคประชาธิปัตย์บอกว่าข้อมูลรั่วจากทางดีเอสไอมาพรรคเพื่อไทยนั้น พรรคประชาธิปัตย์แน่จริงอย่าไปยุ่งกับดีเอสไอ โดยเฉพาะนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ควรอยู่เฉยๆจะได้รู้ว่าเอกสารที่ว่านั้นจริงหรือปลอม เพราะวันนี้ต้นทุนทางสังคมพรรคประชาธิปัตย์สูงอยู่แล้ว เส้นดีแบ็กอัพใหญ่ ดังนั้นการทำงานของรัฐบาลอย่ามีสองมาตรฐาน”