พรรครัฐบาลประเด็นเสียงศึกซักฟอก บอกพอใจเสียง 237 ที่โหวตให้ “กษิต” หลังคาดได้น้อยกว่านี้ พร้อมเชื่อเพื่อไทยไม่ดัน “เป็ดเหลิม” ขึ้นหัวหน้าพรรค หรือผู้นำฝ่ายค้าน หวั่นทับที่นายใหญ่ หลังมีบทบาทหนักช่วงหลัง
วันนี้ (24 มี.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า พรรคประชาธิปัตย์ มองว่า ในสมัยที่ นายสมัคร สุนทรเวช เป็นหัวหน้าพรรค และนายกรัฐมนตรี ยุคนั้นทำให้บทบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ลดลง แต่ในช่วงของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นหัวหน้าพรรค และนายกรัฐมนตรี มีการเจรจากันได้ ทำให้บทบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ สูงขึ้น ดังนั้น ในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา การที่พรรคเพื่อไทยไม่มีผู้นำฝ่ายค้าน จึงทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มีบทบาทสูงขึ้น และหากมีการตั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ขึ้นเป็นผู้นำฝ่ายค้าน จะทำให้มีบทบาทใกล้เคียง หรือกดทับบทบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะฉะนั้นอย่างหวังเลยว่า พรรคเพื่อไทย จะตั้ง ร.ต.อ.เฉลิม ขึ้นเป็นผู้นำฝ่ายค้าน หรือหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพราะจะทำให้บทบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตกต่ำลง
นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองโฆษก กล่าวถึงการลงคะแนนการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ที่ผ่านมา ว่า ที่ประชุม ส.ส.พรรคพอใจกับคะแนนที่ได้ทั้งหมด โดยเฉพาะคะแนนของ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ที่ได้คะแนน 237 เสียง ซึ่งดีเกินคาด ทั้งที่รัฐบาลควรจะได้คะแนน 234 เสียงเท่านั้น ส่วนกรณีของ นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้ประกาศลาออกจากวิปรัฐบาลแล้วนั้น หลังจากที่ได้งดออกสียงสนับสนุน นายกษิต ในที่ประชุมพรรคก็มีการพูดคุยถึงเช่นกัน โดยไม่มีการติดใจในการกระทำของ นายเกียรติกร เพราะถือเป็นเอกสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ โดย นายเกียรติกร ได้ยืนยันว่า ยังเห็นด้วยกับนโยบายของพรรคและรักพรรค แต่ได้รับการกดดันจากชาวบ้านในพื้นที่จึงต้องงดออกเสียง ส่วนกรณีของ นายนาราชา สุวิทย์ ส.ส.สงขลา ที่ขาดการประชุมในนัดการโหวตลงคะแนนในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น โดย นายนาราชา ไม่ได้ชี้แจงเหตุของการขาดการประชุม แต่ได้ยื่นใบลาการประชุมเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว ซึ่งที่ประชุมส่วนใหญ่ไม่สบายใจ ทั้งนี้ ต้องรอฟังผู้ใหญ่ของพรรคก่อน หลังจากที่ได้ดูเหตุผลในการขาดประชุมสภา
