ผอ.สำนักกิจการพรรคการเมือง เผยหลังรายการที่ประชุม กกต.ไม่พบชื่อ “ประชัย เลี่ยวไพรัตน์” บริจาคเงิน 258 ล้าน เข้าพรรคประชาธิปัตย์ พบเงินบริจาคในปี 48 เพียง 20 ล้านบาท ส่วนเงินกองทุน 23 ล้าน นั้น พบใช้จ่ายถูกต้องผ่าน บริษัท แมสไซอะ ทำสื่อโฆษณา
วันนี้ (5 มี.ค.) นายกฤช เอื้อวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กล่าวถึงการตรวจสอบเงินบริจาค 258 ล้านบาท ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ทางด้านกิจการพรรคการเมืองได้รายงานให้ที่ประชุม กกต.ทราบถึงกรณีเงินบริจาคพรรคให้กับพรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 258 ล้านบาท และเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง ปี พ.ศ.2548 โดยจากการตรวจสอบเงินบริจาค 258 ล้านบาทตามที่เป็นข่าว ไม่พบรายชื่อของ นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ผู้บริหารบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวตรวจสอบพบมียอดเงินบริจาคเพียง 20 ล้านบาทเท่านั้น
ส่วนกรณีเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง 23 ล้านบาทนั้น จากการตรวจสอบพบว่า พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำการจัดส่งเอกสารหลักฐาน อาทิ ใบเสร็จ สำเนาใบแจ้งหนี้ในการว่าจ้างบริษัทแมสไซอะ บริทซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด ทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ จำนวน 8 รายการ ในวงเงินกว่า 20 ล้านบาท ดังนั้น ในเบื้องต้นยืนยันได้ว่า การแจ้งการใช้จ่ายเงินกองทุนของพรรคประชาธิปัตย์เป็นไปอย่างถูกต้องและครบถ้วน อีกทั้งยังไม่พบสิ่งปกติในการนำเงินไปใช้ผิดประเภท ซึ่งในการตรวจสอบเราจะยึดเอกสารและหลักฐานเป็นหลัก
เมื่อถามว่า กกต.ตรวจสอบแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติ ถ้าดีเอสไอส่งเรื่องมาจะตรวจสอบได้หรือไม่ นายกฤช กล่าวว่า ต้องรอดูก่อนว่า สำนวนของดีเอสไอจะมีรายละเอียดอย่างไร ซึ่งต้องดูเอกสารและหลักฐานที่ส่งมาประกอบว่าจะมีการปลอมหลักฐานหรือมีการตกแต่งบัญชีหรือไม่ หากมีการกระทำดังกล่าวจริง ก็จะถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง ซึ่งทาง กกต.มีความอำนาจที่จะเข้าไปตรวจสอบ
วันนี้ (5 มี.ค.) นายกฤช เอื้อวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กล่าวถึงการตรวจสอบเงินบริจาค 258 ล้านบาท ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ทางด้านกิจการพรรคการเมืองได้รายงานให้ที่ประชุม กกต.ทราบถึงกรณีเงินบริจาคพรรคให้กับพรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 258 ล้านบาท และเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง ปี พ.ศ.2548 โดยจากการตรวจสอบเงินบริจาค 258 ล้านบาทตามที่เป็นข่าว ไม่พบรายชื่อของ นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ผู้บริหารบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวตรวจสอบพบมียอดเงินบริจาคเพียง 20 ล้านบาทเท่านั้น
ส่วนกรณีเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง 23 ล้านบาทนั้น จากการตรวจสอบพบว่า พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำการจัดส่งเอกสารหลักฐาน อาทิ ใบเสร็จ สำเนาใบแจ้งหนี้ในการว่าจ้างบริษัทแมสไซอะ บริทซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด ทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ จำนวน 8 รายการ ในวงเงินกว่า 20 ล้านบาท ดังนั้น ในเบื้องต้นยืนยันได้ว่า การแจ้งการใช้จ่ายเงินกองทุนของพรรคประชาธิปัตย์เป็นไปอย่างถูกต้องและครบถ้วน อีกทั้งยังไม่พบสิ่งปกติในการนำเงินไปใช้ผิดประเภท ซึ่งในการตรวจสอบเราจะยึดเอกสารและหลักฐานเป็นหลัก
เมื่อถามว่า กกต.ตรวจสอบแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติ ถ้าดีเอสไอส่งเรื่องมาจะตรวจสอบได้หรือไม่ นายกฤช กล่าวว่า ต้องรอดูก่อนว่า สำนวนของดีเอสไอจะมีรายละเอียดอย่างไร ซึ่งต้องดูเอกสารและหลักฐานที่ส่งมาประกอบว่าจะมีการปลอมหลักฐานหรือมีการตกแต่งบัญชีหรือไม่ หากมีการกระทำดังกล่าวจริง ก็จะถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง ซึ่งทาง กกต.มีความอำนาจที่จะเข้าไปตรวจสอบ