รมต.สำนักฯ คาดหวังสภาฯจะเร่งผ่านร่าง กม.จัดสรรคลื่นความถี่ ชี้เป็นประโยชน์ต่อสื่อมวลชนและประชาชน รวมทั้งฐานะสื่อที่เกิดรายใหม่ ทั้งวิทยุชุมชน โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม และเคเบิลทีวี
วันนี้ (4 มี.ค.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ในการนำร่าง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ... เข้าสู่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรว่า ขณะนี้มีร่างกฎหมาย 3 ร่าง โดยเป็นร่างของรัฐบาล ซึ่งเสนอในสมัยรัฐบาลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ร่างของนายเจริญ จรรย์โกมล ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย โดยร่างดังกล่าวเป็นร่างเดิมในสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช มีเนื้อหาที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีเนื้อหาเกี่ยวกับที่มาของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนคม (กสทช.)ที่ไม่เหมาะสม และร่างของของนายอภิชาติ ศักดิ์เศรษฐ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โดยเป็นร่างปรับปรุงใหม่ ในฐานะที่ตัวแทนของรัฐบาลเห็นว่า รัฐบาลไม่ขัดข้องหากจะใช้ร่าง ที่สมาชิกเสนอมาเป็นหลักในการพิจารณา จึงเห็นว่าน่าจะใช้ร่างของพรรคประชาธิปัตย์เป็นหลัก
ส่วนที่ธรรมเนียมปฏิบัติไม่เคยมีมาก่อน ตนเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของศักดิ์ศรี เมื่อรัฐบาลเห็นถึงประโยชน์ ในการพิจารณาชั้นกรรมาธิการที่จะเป็นไปได้ง่าย และกฎหมายนี้มีคนเข้ามาเกี่ยวข้องหลายคน มีผลประโยชน์นับแสนล้าน รัฐบาลมีวัตถุประสงค์ที่จะผ่านร่างกฎหมายนี้ให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด
เมื่อถามว่าเมื่อกฏหมายมีผลบังคับใช้จะมีผลต่อการรื้อระบบสื่อสารมวลชนหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ประโยชน์จากกฎหมายนี้คือ การรองรับฐานะสื่อที่เกิดขึ้นมาใหม่ เช่น วิทยุชุมนุม สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม และเคเบิลทีวี ซึ่งไม่มีกฎหมายในการกำกับดูแล รวมถึงจะมีผลต่อการบริหารจัดการผังรายการ และการทำแผนบริหารจัดการคลื่นความถี่ ส่วนคลื่นความถี่เดิมที่มีการครอบครองไว้ จะมีการเปิดโอกาสให้คลื่นความถี่ใหม่เกิดขึ้น และการมีการแบ่งคลื่นความถี่ให้ประชาชน
เมื่อถามถึงคลื่นความถี่ในส่วนของกองทัพ นายสาทิตย์ กล่าวว่า หากกองทัพหรือหน่วยงานความมั่นคงมีความจำเป็น ต้องใช้ร่างเพื่อกิจการความมั่นคง ร่างกฎหมายได้เปิดโอกาสให้แจ้งความจำเป็นดังกล่าวต่อคณะกรรมการ กสทช.ได้ หากกองทัพหรือหน่วยงานต้องการใช้คลื่น สามารถแจ้งความจำเป็นได้ นอกจากนี้ยังมีประเด็นเกี่ยวกับโทรทัศน์ระบบดิจิตอล ซึ่งได้มีการส่งเรื่องถึงนายกรัฐมนตรีและได้มีบัญชาให้ตนรับผิดชอบ ซึ่งจะมีการจัดสัมมนา เพื่อรวบรวมความคิดเห็นเนื่องจาก ทีวีดิจิตอลจะมีผลทำให้เกิดสถานโทรทัศน์เพิ่มขึ้นอีกหลายร้อยช่อง