“ครม.มาร์ค” อนุมัติ 39 ล้านบาท หว่านงบจ่ายเชคช่วยชาติค่าหัวผู้ประกันตน 2 พันบาท โปรโมชันเอาใจ กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน-พนักงานรัฐวิสาหกิจ ได้เช็คด้วย พร้อมขยายเวลารับเช็คขึ้นเงินจาก 15 วัน เป็น 60 วัน คาดเงินถึงมือล็อตแรก 26 มี.ค.-8 เม.ย.นี้
วันนี้ (3 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ กระทรวงแรงงานได้รายงานความคืบหน้าโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพ เพื่อแจกเงิน 2,000 บาท ให้กับประชาชนผู้มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท โดยขณะนี้มีผู้ขึ้นทะเบียนแล้วกว่าร้อยละ 70 หรือประมาณ 5.5 ล้านคน ส่วนที่เหลือคาดว่าเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งจะทยอยส่งมาภายหลัง เชื่อว่า ก่อนกำหนดการแจกเงิน คาดว่า จะได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติวงเงินจำนวน 39,638,800 บาท เพื่อให้กระทรวงแรงงาน ใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการและบริหาร “เช็คช่วยชาติ” ขณะเดียวกัน ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาออกกฎระเบียบในการแจกเงินให้ประชาชนในครั้งนี้ด้วย
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า เช็คช่วยชาติ 2,000 ซึ่งต้องจ่ายเช็คให้กว่า 5,500,000 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 60 ของผู้มีสิทธิ์จำนวน 8 ล้านคน โดยคาดว่า เช็คจะถึงมือประชาชนในวันที่ 26 มีนาคม ถึง 8 เมษายน ขณะที่ข้าราชการ ประมาณ 1.2 ล้านคน ครม.มีมติให้นำส่งเช็คจัดส่งไปให้แทนการนำส่งเงินสดเข้าบัญชี ส่วนกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน และพนักงานรัฐวิสาหกิจก็จะได้รับเป็นเช็คเช่นเดียวกัน
นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า เบื้องต้นให้นำเงินส่วนที่เหลือจากงบประมาณจำนวน 40 ล้านบาท ที่อนุมัติในการจ่ายเช็คให้ประชาชนก่อนหน้านี้มาใช้ ซึ่งล่าสุดได้มีการเจรจากับธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ขอลดค่าดำเนินการออกเช็คจาก 5 บาท เหลือเพียง 2 บาทต่อใบ ทำให้มีเงินเหลือ ขณะเดียวกัน ให้นำเงินส่วนที่เหลือจากการที่สำนักงานประกันสังคม (สปส.) อนุมัติเงินจำนวน 24 ล้านบาท มาใช้ในการโอนเงิน 2,000 บาท เข้าบัญชีก่อนหน้านี้มาใช้ ซึ่งคาดว่าเงินที่เหลือจากงบทั้ง 2 ส่วนจะเพียงพอในการดำเนินการนำเช็คให้ถึงมือประชาชน
นอกจากนี้ ครม.ยังมีมติอนุมัติให้ขยายเวลาการนำเช็คจากกรมบัญชีกลาง เพื่อจ่ายให้ถึงมือประชาชน จากเดิมที่มีระเบียบกำหนดเวลา 15 วัน หากเจ้าของเช็คไม่มารับ จะต้องคืนเช็คให้กรมบัญชีกลาง ขยายเป็น 90 วัน เพื่อความสะดวกในการให้ผู้ประกันตนสามารถมารับเช็คได้ หลังจากวันที่ 26 มีนาคม ซึ่งเป็นวันแรกที่จะมีการจ่ายเช็คให้ผู้ประกันตน
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับหลักการดำเนินการ กำหนดคุณสมบัติผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือ คือ จะต้องมีสัญชาติไทย และมีสถานะเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 แห่ง พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 และจะขยายขอบเขตการจ่ายเงินให้ผู้ประกันตนที่สิ้นสภาพการเป็นลูกจ้างตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2551 และได้รับการคุ้มครองสิทธิไปอีก 6 เดือน ตามมาตรา 38 นอกจากนั้น ยังให้ใช้ฐานค่าจ้างที่นำส่งเงินสมทบเข้ากองทุน เป็นเกณฑ์ตัดสินการมีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือ ทั้งนี้ หากผู้ประกันตนมีการทำงานมากกว่า 1 แห่ง และมีฐานค่าจ้างรวมกันเป็นเงินตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป จะไม่มีสิทธิ์รับเงินช่วยเหลือค่าครองชีพ
ทั้งนี้ จะมีการจ่ายเช็ค 3 วิธี คือ 1.จ่ายให้ผู้ประกันตนที่มีสิทธิ ณ สถานที่ประกอบการที่ผู้ประกันตนทำงานอยู่โดยตรง 2.จ่ายให้กับผู้ประกันตนที่มีสิทธิโดยตรง ณ สถานที่ซึ่งสำนักงานประกันสังคม มีประกาศกำหนดวันนัดหมายไว้ล่วงหน้า 3.จัดหน่วยเคลื่อนที่ไปจ่ายให้ผู้ประกันตนที่มีที่พำนักห่างไกล