ฝ่ายค้านเริ่มชัดเกมซักฟอก เล็งยื่นถอดถอน “อภิสิทธิ์” 8 มี.ค.อภิปราย 14 ประเด็น เผยเตรียมอภิปราย “ประวิตร-ชวรัตน์-โสภณ” เพิ่มอีก กำหนด 30 ส.ส.ขุนพลซักฟอก โอ่หวังสร้างบรรทัดฐานใหม่ เน้นปัญหาเศรษฐกิจ การทุจริต เลี่ยงเรื่องส่วนตัว ปัดไม่ได้คุยเรื่องซักฟอกเกี่ยวแม่-เมีย “มาร์ค”
วันนี้ (26 ก.พ.) ที่รัฐสภา น.ส.วิสาระดี เตชะธีรวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองโฆษกคณะทำงานฯ แถลงภายหลังการประชุมคณะทำงานเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า ที่ประชุมมีมติว่าในวันที่ 4 มี.ค.จะได้ข้อสรุปทั้งหมดเกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ที่ชัดเจนแล้ว คือ จะยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรีในวันที่ 8 มี.ค.จากนั้นในวันที่ 11 มี.ค.จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ สำหรับข้อยุติเบื้องต้นนั้น ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายรัฐมนตรีจำนวน 4 คน คือ นายกรัฐมนตรี จำนวน 14 ประเด็น นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ จำนวน 5 ประเด็น นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง จำนวน 3 ประเด็น และ นายอิสสระ สมชัย รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 7 ประเด็น
น.ส.วิสาระดี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ คณะทำงานกำลังพิจารณาเพิ่มเติมอีก 3 คน คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และ นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ในส่วนของ ส.ส.ที่จะอภิปรายนั้น มีการเสนอชื่อมาแล้ว 30 กว่าคน ยืนยันว่า จะสร้างบรรทัดฐานการอภิปรายขึ้นมาใหม่โดยมีมาตรฐานมากขึ้น มุ่งเน้นอภิปรายเรื่องเศรษฐกิจ การบริหารที่ผิดพลาด และการทุจริตสร้างความเสียหาย โดยหลีกเลี่ยงเรื่องส่วนตัว เช่น เรื่องกิ๊ก แต่ถ้าหากมีการไปทำให้ครอบครัวแตกร้าวก็ไม่แน่ ส่วนประเด็นเรื่องแม่และภรรยานายกฯนั้น ยืนยันว่า ยังไม่มีการคุยกัน
ด้าน นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ในส่วนของรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายนั้น นอกจากรัฐมนตรี 4 คนที่มีการสรุปไปแล้ว อาจจะเพิ่มนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ซึ่งจะถูกอภิปรายในประเด็นเกี่ยวกับการบริหารงานในกระทรวงคมนาคมที่ส่อไปในทางทุจริต นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ซึ่งจะถูกอภิปรายในประเด็นการบริหารราชการแผ่นดิน ที่ใช้เวลาและตำแหน่งเพื่อประโยชน์ในการหาเสียง ถือว่าไม่เหมาะสม และนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ด้วย ซึ่งจะถูกอภิปรายในประเด็นการบริหารงานในตำแหน่งที่ไม่ประสบผลสำเร็จ การเข้าสู่ตำแหน่งรวมถึงภูมิหลังด้วย อย่างไรก็ตาม จะต้องให้คณะทำงานศึกษาข้อมูลหลักฐานทั้งหมดก่อนจึงจะมีการสรุปอีกครั้ง