xs
xsm
sm
md
lg

จับตา! กลยุทธ์เพื่อไทยยึดเวทีสภาฯ ย้ำแบรนด์ “แม้ว”ขายตรงสู่รากหญ้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ
เมื่อพิจารณาพฤติกรรมของส.ส.พรรคเพื่อไทย แม้จะเปลี่ยนชื่อพรรคแล้ว แต่ความจงรักภักดีที่มีต่อนายใหญ่ “ ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่แม้ชะตากรรมจะต้องเปลี่ยนสถานะของตนเองเป็นนักโทษหลบหนีคดีอาญา ก็ยังไม่เสื่อมคลาย

จะด้วยความซื่อสัตย์จากห้วงลึกภายในที่ชอบอวดอ้าง นั่นคงไม่เท่ากับการเป็น “ท่อน้ำเลี้ยง”อันใหญ่ทำหน้าที่ปล่อยปัจจัยให้กับพลพรรคเพื่อไทยให้อยู่ตลอดรอดฝั่ง

ว่ากันว่า เวลานี้ชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ได้กลายเป็นโลโก้ติดหน้าผากของส.ส.เพื่อไทยไปแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ ส.ส.เพื่อไทย ยังมีความพยายามให้ชื่อทักษิณฝังรากลึกในใจกลุ่มคนระดับรากหญ้าอย่างเช่นที่เคยเป็นมา เลยทำให้ต้องเอ่ยชื่อนี้อยู่เป็นระยะ เพื่อเรียกเรตติ้งคนดูทีวีในการถ่ายทอดสดการประชุมสภาผู้แทนฯในแต่ละสัปดาห์

เปรียบได้เหมือนหมอเถื่อนเร่ขายยาตามงานวัด ที่ต้องเรียกหา อับดุลห์ เป็นคาถาเรียกกลุ่มคนให้มาสนใจรุมล้อมสินค้าของตนเอง

ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าส.ส.รุ่นเก่าหลายคนที่เคยเป็นดาวฤกษ์เปล่งแสงในตัว เมื่อเจอยายี่ห้อ “ทักษิณ”เข้าไป แสงที่มีอยู่ในตัว ก็พลอยดับวูบ แปรเปลี่ยนสภาพเป็นเศษธุลีดาวเคราะห์ไปทันที

การอภิปรายในสภาฯ เมื่อส.ส.เพื่อไทยลุกขึ้นพูดยังไม่ทันอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ทุกคำที่เอื้อนเอ่ยเพียงเพื่อปกป้องนายอย่างเดียว โดยเฉพาะความพยายามแก้ต่างในคดีความต่างๆ ที่เป็นต้นเหตุให้ “นาย”ต้องซัดเซพเนจรหลบลี้หนีหน้าจากประเทศไทยไปอยู่ต่างแดนอย่างไม่มีหลักแหล่งอยู่ในขณะนี้

จึงไม่แปลกใจที่จะเห็นนักการเมืองหลายคน เป็นหัวขบวนต้นๆคอยวิ่งไปรายงานเพ็ดทูลสถานการณ์ความเป็นไปภายในประเทศไทย ขณะเดียวกันก็คอยรับคำสั่งจาก “นาย” ที่สุดแต่จะบัญชาลงมาให้เคลื่อนไหวในเรื่องต่างๆ อยู่เป็นระยะ

ผลที่จะได้รับคือ การตบรางวัลก้อนงามจาก “นาย” ที่โยนให้ ในฐานะที่เป็นทาสผู้ซื่อสัตย์จงรักภักดี

แม้จะรู้ทั้งรู้ว่า ประชาชนเขาเบื่อหน่าย เอือมระอาเต็มที่กับภาพ ในการประชุมสภาฯแต่ละครั้ง แทนที่จะมุ่งทำหน้าที่ผู้แทนปวงชนที่ดี หยิบยกปัญหาความเดือดร้อนต่างๆของประชาชนมาหารือ หรือไม่ก็ตั้งอกตั้งใจพิจารณาผ่านกฎหมายที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ออกมาให้ได้ใช้กัน

กลับกลายเป็นการฉกฉวยโอกาส อาศัยเวทีที่ประชุมสภาฯ แฝงทำการตลาด โฆษณาความดีความชอบให้กับ “นาย” อยู่เป็นระยะ เน้นย้ำแบรนด์เนม “ทักษิณ”ไปยังกลุ่มเป้าหมายอยู่เป็นระยะ

นับเป็นการทำการตลาดที่แยบยลไม่ต้องลงทุนอะไรเลย แค่ลงแรงแกว่งปาก บวกกับความหน้าด้านหน้าทนอย่างเดียว อาศัยสื่อของรัฐทั้งสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที วิทยุกรมประชาสัมพันธ์ และวิทยุรัฐสภา ที่คอยทำหน้าที่ถ่ายทอดสดการประชุมในแต่ละครั้ง เป็นช่องทางจะส่งข่าวสารไปยังเป้าหมาย

ย้ำกระตุ้นเตือนไม่ให้ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มรากหญ้าหลงใหลได้ปลื้มไปกับนโยบาย และเม็ดเงิน ที่รัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะโปรยหว่าน เพราะกลัวหลงลืม“นาย” ของตัวเอง

ยุทธศาสตร์การเมืองของพรรคเพื่อไทยถูกคู่แข่งเปรียบเปรยเชิงดูแคลนว่า “เป็นแค่มวยวัด” ชกแบบสะเปะสะปะ ตะลุยคู่แข่งชนิด ฉะ ปะ ดะ เอากันทั้งบนดิน ใต้ดิน การผนึกกำลังกันเคลื่อนไหวทั้งในสภา และนอกสภา ล้วนมีเป้าหมายเดียวคือ การขย่มรัฐนาวาโอบามาร์ค ให้จมลงโดยเร็วที่สุด!

เพราะการจะให้ทนอยู่นิ่งๆ ปล่อยให้รัฐบาลอภิสิทธิ์เสวยสุข ใช้นโยบายประชานิยม ทุ่มงบประมาณที่ทยอยออกมาเป็นระยะๆ เพื่อสะสมยอดขายจากคนรากหญ้า แบบนี้มันเจ็บเกินจะทนต่อไปไหว ขืนปล่อยต่อไปต้องเหนื่อยหนักกับศึกเลือกตั้งครั้งหน้า

แต่ก็ต้องเห็นใจกันด้วยว่า ในยามนี้พรรคเพื่อไทยกำลังประสบสภาพปัญหาท่ออุดตัน น้ำเลี้ยงที่ส่งมายังลูกพรรคจึงมีอาการกระปริดกระปรอย

แกนนำหลายคนจึงต้องมี “งานเข้า”อยู่ตลอด ทุกวาระการประชุมไม่ว่าเรื่องใด ภาพขององครักษ์พิทักษ์ “นาย” ชนิดที่หายใจเข้าออกล้วนทำเพื่อ “นาย” จึงปรากฎให้เห็นและได้ยินอยู่บ่อยๆ

นอกจากจะเป็นโอกาสที่จะแสดงความจงรักภักดีให้ “นายใหญ่”ได้หลงใหลได้ปลื้มกับความจงรักภักดีแล้ว ประชาชนคนรากหญ้าที่ยังหน้ามึด ตามัว ที่พลอยได้ไคร่ดีกับระบอบทักษิณ ก็จะชื่นชมการทำหน้าที่ของส.ส.ตกยุคเหล่านี้ไปด้วย

ไล่เรียงมาตั้งแต่ หัวขบวนอย่างคนที่ฝันอยากเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง นักการเมืองที่ครั้งหนึ่งเคยลงทุนลั่นสัจจะวาจา สาบานต่อหน้าพระพุทธรูปว่า จะขอล้างมือทางการเมืองทั้งตระกูล เข็ดแล้วพอแล้วกับการเมืองไทย ยังต้องยอมกลืนเลือด

สยายปีกปกป้องระบอบทักษิณ พร้อมทวงถามความยุติธรรมให้กับ “นาย” จน“นายใหญ่”เห็นแล้วคงน้ำตาแทบเล็ดด้วยความปลาบปลื้ม

ขุนพลหัวขวด นายสุนัย จุลพงศธร ที่ในอดีต เคยได้รับการยอมรับว่าเป็นนักการเมืองที่ดูดี มีหลักมีเกณฑ์ แต่เมื่อผันตัวมาเป็นทาสรับใช้ให้ “นายใหญ่”แบบเต็มตัว บทบาทในสภาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

ใครมาแตะต้อง “นาย”แม้แต่ในความคิด ก็จะเจอลูกประท้วงสุดลิ่มทิ่มประตู ขนาดนักการเมืองเป็นระดับปรมาจารย์เกมในสภาอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ยังถึงกับมึน ไปต่อไม่ถูกไปหลายครั้งหลายครา

อีกคนที่ต้องยกให้เป็นองค์รักษ์เสื้อทองตัวจริง เสียงจริง ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ คนนี้ประกาศก้องกลางสภาชัดเจนว่า “นายข้าใครอย่าแตะ” ขนาดที่ว่า ใครมาบังอาจเรียกชื่อ “ทักษิณ” เฉยๆ โดยไม่มียศถาบรรดาศักดิ์อยู่ข้างหน้า บ่าวอย่าง เชาวริน จะต้องออกอาการเต้น ขึ้นมาทันที

ผนึกกำลังกับบ่าวรุ่นใหม่อย่าง จตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน ประเสริฐ เด่นกิจนภาลัย ส.ส.สมุทรปราการ คอยประสานเสียงปกป้องนายกันเต็มกำลังแรงเบี้ยเลี้ยงที่ไหลมาจากท่อใหญ่

ปรากฎการณ์กลุ่มไข่แม้วพากันทิ้งงานในพื้นที่ ยกขบวนแอบย่องเงียบบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปกราบเท้านายใหญ่ รับอั่งเปานอกเทศกาลตรุษจีน พร้อมกับรับสนองนโยบายจาก“นาย” ถึงเกาะฮ่องกง เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาจน เป็นที่ฮือฮาตามสื่อต่างๆว่านี่ไม่ใช่เป็นครั้งแรก

การเคลื่อนไหวของกลุ่มส.ส.ไข่แม้ว นอกเหนือไปจากการทดแทนบุญคุณให้กับเจ้าของพรรคตัวจริงแล้ว หากจับพลัดจับผลูสามารถขย่มรัฐนาวามาร์ค จนถึงขั้นประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรได้สำเร็จแล้ว

โอกาสที่ “นายใหญ่” จะกลับมาครองตำแหน่งผู้นำประเทศอีกครั้ง ถือเป็นความฝันอันสูงสุดของพลพรรคไข่แม้ว

เพราะเวลานี้ต่างก็สะบักสะบอบชอกช้ำระกำใจ กับสารพัดมรสุมรุมเร้า หลังจากระส่ำระสายกับแรงกระแทกทางการเมืองจนทำให้นายกฯนอมีนีของ นายใหญ่ ต้องตกเก้าอี้มาแล้วถึง 2 คน แถมเวลานี้ต้องมารับสภาพการเป็นฝ่ายค้านแบบทำใจไม่ได้

แต่หาก “สึนามิ” ที่ ส.ส.เพื่อไทย และเครือข่ายระบอบทักษิณกำลังสร้างอยู่นี้ มีอันต้องล่มปากอ่าวไปเสียก่อน นั่นเท่ากับว่าโอกาสที่จะได้มาเป็นรัฐบาลต้องริบหรี่ลงไปอีก หนำซ้ำถ้าปล่อยให้รัฐนาวาของมาร์ค ล่องลอยไปเรื่อยๆ ยิ่งนานวันเท่าไหร่ ยิ่งจะส่งผลให้ระบอบทักษิณต้องล่มสลายไปในที่สุด

ด้วยปัจจัยเหล่านี้ ยุทธศาสตร์การตลาดในสภาฯ จึงจำเป็นที่จะต้องทำต่อไป แต่ละคนต่างพยายามเร่งโชว์ผลงานเพื่อให้เข้าตา“นาย” และเร่งกอบกู้ซากเน่าของระบอบทักษิณให้คงอยู่ต่อไป โดยมีจุดหมายเดียวกันคือ ความอยู่รอดของตัวเอง!
สุนัย จุลพงศธร
กำลังโหลดความคิดเห็น