xs
xsm
sm
md
lg

“ไพศาล” แฉ กก.สอบ 7 ตุลาฯ สอดไส้อุ้ม จนท.-โยนบาปประชาชน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไพศาล พืชมงคล
อดีต สนช.แฉ กก.สอบ 7 ตุลาฯ ชุดรัฐบาลชายกระโปรง สอดไส้ข้อมูลปกป้องคนผิด โยนบาป ปชช.ที่ล้มตายบาดเจ็บ แปลกใจผ่านมา 4 เดือนกว่ายังไม่มีใครทำให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังพอใจชื้น ป.ป.ช.เตรียมชี้มูล แนะญาติผู้ตาย-บาดเจ็บ-พิการ เลิกหวังพึ่งตำรวจ ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองเรียกร้องค่าเสียหายเอง

นายไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้สัมภาษณ์นายสำราญ รอดเพชร และนายอมร อมรรัตนานนท์ ทางรายการ “สภาท่าพระอาทิตย์” ของเอเอสทีวี เมื่อเช้าวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา แสดงความเป็นห่วงต่อการสอบสวนเหตุการณ์ 7 ตุลาคมว่า เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ใหญ่มีคนตาย 10 กว่าคนถ้ารวมเหตุการณ์เกี่ยวเนื่องทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด มีคนพิการหลายสิบคน คนบาดเจ็บ 700 กว่าคน แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่านับจากวันนั้นมาถึงวันนี้ 4 เดือนกว่าแล้วยังไม่มีการกระทำใดๆ ที่ปรากฏถึงความต้องการที่จะรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายเลย

นายไพศาลกล่าวต่อว่า เมื่อ 2-3 วันก่อน มีการแย้มถึงผลสอบของคณะกรรมการชุดที่รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ตั้งขึ้น ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้ตั้งขึ้นโดยคนที่กำลังตกเป็นผู้ต้องหาหรือผู้ถูกกล่าวหาของเหตุการณ์ในครั้งนั้นแล้วการตั้งขึ้นมา ไม่ได้ตั้งเพื่อเอาผิดตามกฎหมาย เป็นแค่การตรวจสอบข้อเท็จจริง เป็นกระบวนการอันหนึ่งซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการสอบเพื่อที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับคนบางกลุ่ม

“ในวงในผมก็รู้ดีว่าภายใต้เหตุผลในการอ้างในรายงานฉบับนั้นว่าไม่ได้รับความร่วมมือนั่นแหละครับ มีการเตรียมข้อเท็จจริงสอดอยู่ เพื่อปกป้องคุ้มครองคนกระทำความผิด ถึงวันหนึ่งก็จะมีการใช้รายงานตัวนี้ไปยื่นต่อศาล ไปแสดงต่อศาลว่า นี่ขนาดไม่มีฝ่ายไหนได้ให้ความร่วมมือนะ ผลการสอบยังปรากฏว่าเนี่ย ฆาตกรนี่ไม่ได้เป็นผู้ผิดเลย ไอ้คนที่มันถูกฆ่า ถูกเก็บต่างหากหละผิด เกมมันจะออกมาอย่างนั้นนะครับ ผมจึงห่วงใย ผมไม่อยากพูดลงไปลึกกว่านั้นนะครับ เพราะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่นับถือกันทั้งนั้น” นายไพศาล กล่าว

นายไพศาล กล่าวต่อว่า ในส่วนที่มีการดำเนินการกันมาแล้ว โดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนที่ได้ไต่สวนตรวจสอบแล้วเห็นว่ามีการกระทำความผิด ตามกฎหมาย จึงส่งไปให้ ป.ป.ช. ดำเนินการ ซึ่ง ป.ป.ช.ก็กำลังตรวจสอบไต่สวนกันอยู่ ก็ค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่น่ายินดี จากการแถลงของกรรมการ ป.ป.ช.ท่านหนึ่งว่า วันที่ 23 นี้จะมีการชี้มูลเรื่องนี้แล้วว่าจะมีมูลความผิดหรือไม่ ซึ่งประชาชนรอความหวังอยู่

แต่ขณะเดียวกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่หยุดอยู่ที่ ป.ป.ช.เท่านั้น เพราะ ป.ป.ช.จะส่งมาดำเนินคดีได้เฉพาะกรณีที่เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐในความผิดบางประเภทเท่านั้น ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจที่จะไปชี้ให้ใครใช้ค่าเสียหายให้ใครได้

“ส่วนนี้มันจะเนิ่นนานเนิ่นช้าไปจนกระทั่งว่า พี่น้องประชาชนที่เขาทำการต่อสู้และบาดเจ็บ เขาเดือดร้อนเสียหาย ไมได้รับการเยียวยา ผมห่วงตรงนี้ครับ เวลาเนิ่นไปนานไป พยานก็ค่อยๆ เลือนลางไป ก็จะเจ็บเปล่าตายเปล่า มันเป็นเรื่องน่าเศร้า ผมจึงเห็นว่าถึงเวลาที่จะต้องทวง คืนความชอบธรรมให้กับญาติของผู้ตาย ซึ่งเป็นวีรชน กับคนเจ็บคนป่วยทั้งหลายนี้”

นายไพศาลกล่าวต่อว่า ตนเห็นว่า ส่วนที่ ป.ป.ช.จะดำเนินการชี้มูลความผิด ดำเนินคดี ก็ว่ากันไป แต่ขณะเดียวกันบรรดาผู้เจ็บผู้ป่วย หรือพันธมิตรฯ เองก็ต้องเข้ามารับผิดชอบอันนี้ แล้วก็ ให้ความสำคัญในเรื่องด่วนนี้ เพราะเป็นเรื่องใหญ่มาก ควรต้องรีบดำเนินคดี ฟ้องคดีต่อศาลปกครอง โดยญาติผู้ตาย ผู้เจ็บหรือผู้พิการ ไปฟ้องต่อศาลปกครองให้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย

อดีต สนช.กล่าวต่อว่า ระบบไต่สวนของศาลปกครองจะทำให้ได้พยานอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ จากนั้นแล้วผู้เสียหายก็จะมีพยานหลักฐาน ที่อาจไปฟ้องคดีอาญาด้วยตัวเองได้

“ถ้ารอทางการเขาไปทำนะครับ เกิดเขาไปทำคดีที่อ่อนขึ้นมา หรือว่าฟ้องคดีบางข้อหา ไม่ฟ้องบางข้อหา แล้วไม่รู้อีกกี่ชาติไหน จึงจะฟ้องกัน แล้วประชาชนจะทำอย่างไร ผมห่วงใยเรื่องนี้”

นอกจากนี้ นายไพศาลยังเห็นว่า อย่าไปหวังว่ารัฐบาลจะดำเนินการโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะเรื่องนี้ตำรวจเป็นผู้มีส่วนได้เสียอยู่ ไม่ใช่ไม่เชื่อถือ แต่โดยหลักความยุติธรรมนั้น อย่าให้ผู้มีส่วนได้เสียเข้ามาเป็นผู้ตรวจสอบไต่สวนเสียเอง เรื่องนี้ฝ่ายตำรวจถือว่ามีส่วนได้เสียในคดี ให้ตำรวจสอบสวนก็จะไม่เป็นที่สลบายใจของทุกฝ่าย เพราะฉะนั้นประชาชนนี่แหละที่จะทำเอง

นายไพศาลย้ำว่า การช่วยประชาชนฟ้องคดีเรื่องเสียหายนั้นเป็นหน้าที่ของศาลปกครองโดยตรง บรรดาญาติผู้ตาย ผู้พิการ ผู้บาดเจ็บ จะฟ้องเป็นรายคนหรือร่วมกันฟ้องก็ได้ แต่ต้องนำคดีขึ้นสู่ศาล เพราะขณะนี้ 4 เดือนแล้ว มีใครแสดงความรับผิดชอบอะไร บ้างหรือไม่ ไม่มี

“คำหนึ่งก็เป็นผู้ก่อการร้าย สองคำก็เป็นผู้ก่อการร้าย ใครได้ยินได้ฟังมันก็เจ็บช้ำน้ำใจ แล้วอย่างนี้ความสงบสุขในบ้านเมือง มันก็เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะฉะนั้นควรจะนำคดีให้ศาลชี้ขาด ให้เสร็จสิ้นไปเสีย ทางหน่วยงานทั้งหลายเขาจะได้ถือเป็นแบบอย่างว่าทำอย่างนี้ถูก ทำอย่างนี้ไม่ถูก แล้วประชาขนที่เดือดร้อนจะได้รับการเยียวยา บรรเทาความเสียหายทุกข์ร้อนของตนไป” นายไพศาลกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น