กกต.พร้อมสอบเส้นทางการเงินบริจาคเข้าพรรคประชาธิปัตย์ 250 ล้าน เข้าข่ายผิดพ.ร.บ.พรรคการเมืองหรือไม่ ชี้หากดีเอสไอโอนคดีมาให้ก็ต้องทำตามหน้าที่ เผยหลังเจ้าหน้าที่ตรวจข้อมูลเบื้องต้นไม่พบความผิดปกติ
วันนี้ (20 ก.พ.) นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารงานเลือกตั้งกล่าวถึงกรณีที่ดีกรมสอบสวนคดีพิเศา จะขอให้ กกต.สอบเรื่องเงินบริจาค 250 ล้านบาทของพรรคประชาธิปัตย์ว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.พรรคการเมืองหรือไม่ ว่ายังไม่ทราบเรื่อง เท่าที่จำได้ทางดีเอสไอขอให้ กกต.ส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมทำการสอบสวนในเรื่องนี้ แต่ กกต.ยังไม่ได้พิจารณา เนื่องจากมีเรื่องอื่นๆ อยู่ในวาระจำนวนมาก แต่ถ้ามีการโอนเรื่องนี้มาให้ กกต.ก็ต้องดำเนินการ แต่จากที่เจ้าหน้าที่ กกต.ได้ตรวจสอบและรายงานให้ กกต.ทราบเมื่อวันที่ 19 ก.พ. ก็บอกว่าเป็นเรื่องตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งไม่มีชื่อของนายประชัย เลี่ยวไพรัช ผู้บริหารของทีพีไอ และบริษัท เมสไซอะ เป็นผู้บริจาค 250 ล้านบาท ตามที่เป็นข่าวและทางพรรคใช้เงินกองทุนจำนวน 25 ล้านบาททำประชาสัมพันธ์ ซึ่งก็มีการแสดงหลักฐานรายการใช้จ่ายทั้งหมดซึ่งข้อมูลของกกต.มีเพียงเท่านี้
“ถ้าดีเอสไอเห็นว่ามันเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ถ้าส่งมาเราก็ต้องทำตามหน้าที่อยู่แล้ว รวมทั้งกรณีที่มีการระบุว่าพรรคเพื่อไทยก็มีหลักฐานว่ามีการโอนเงิน 250 ล้านบาทเข้าพรรคประชาธิปัตย์ ถ้ามีข้อมูลมาเราก็พร้อมดำเนินการอยู่แล้วตามอำนาจหน้าที่ แต่เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ กกต.ได้รวบรวมข้อมูลต่างๆ อยู่แล้ว และการบริจาคเงินในปี 2548 ก็ไม่ได้มีการตรวจสอบเรื่องระบบบัญชีไปหมดแล้ว ก็ยังไม่พบรายงานที่ผิดปกติอะไร ทั้งนี้ไม่ทราบเรื่องที่ระบุว่ามีการหมกเม็ดการบริจาคเงิน 250 ล้านบาท เพราะเท่าที่ตรวจก็ตรวจตามบัญชีและพบเพียงเท่านั้น” นายประพันธ์ กล่าว
วันนี้ (20 ก.พ.) นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารงานเลือกตั้งกล่าวถึงกรณีที่ดีกรมสอบสวนคดีพิเศา จะขอให้ กกต.สอบเรื่องเงินบริจาค 250 ล้านบาทของพรรคประชาธิปัตย์ว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.พรรคการเมืองหรือไม่ ว่ายังไม่ทราบเรื่อง เท่าที่จำได้ทางดีเอสไอขอให้ กกต.ส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมทำการสอบสวนในเรื่องนี้ แต่ กกต.ยังไม่ได้พิจารณา เนื่องจากมีเรื่องอื่นๆ อยู่ในวาระจำนวนมาก แต่ถ้ามีการโอนเรื่องนี้มาให้ กกต.ก็ต้องดำเนินการ แต่จากที่เจ้าหน้าที่ กกต.ได้ตรวจสอบและรายงานให้ กกต.ทราบเมื่อวันที่ 19 ก.พ. ก็บอกว่าเป็นเรื่องตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งไม่มีชื่อของนายประชัย เลี่ยวไพรัช ผู้บริหารของทีพีไอ และบริษัท เมสไซอะ เป็นผู้บริจาค 250 ล้านบาท ตามที่เป็นข่าวและทางพรรคใช้เงินกองทุนจำนวน 25 ล้านบาททำประชาสัมพันธ์ ซึ่งก็มีการแสดงหลักฐานรายการใช้จ่ายทั้งหมดซึ่งข้อมูลของกกต.มีเพียงเท่านี้
“ถ้าดีเอสไอเห็นว่ามันเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ถ้าส่งมาเราก็ต้องทำตามหน้าที่อยู่แล้ว รวมทั้งกรณีที่มีการระบุว่าพรรคเพื่อไทยก็มีหลักฐานว่ามีการโอนเงิน 250 ล้านบาทเข้าพรรคประชาธิปัตย์ ถ้ามีข้อมูลมาเราก็พร้อมดำเนินการอยู่แล้วตามอำนาจหน้าที่ แต่เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ กกต.ได้รวบรวมข้อมูลต่างๆ อยู่แล้ว และการบริจาคเงินในปี 2548 ก็ไม่ได้มีการตรวจสอบเรื่องระบบบัญชีไปหมดแล้ว ก็ยังไม่พบรายงานที่ผิดปกติอะไร ทั้งนี้ไม่ทราบเรื่องที่ระบุว่ามีการหมกเม็ดการบริจาคเงิน 250 ล้านบาท เพราะเท่าที่ตรวจก็ตรวจตามบัญชีและพบเพียงเท่านั้น” นายประพันธ์ กล่าว