xs
xsm
sm
md
lg

นร.ตีกันแก้ปัญหาฉาบฉวย-ก็อีหรอบเดิม !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"อีกมุมหนึ่งยังเป็นการตบหน้าพล.ต.อ.จงรัก ฉาดใหญ่ เพราะไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น นักศึกษาสองสถาบันดังกล่าวได้ก่อเหตุอย่างอุกอาจ ประจานความชุ่ย ประจานคนที่ทำงานเอาหน้าได้อย่างดี"

ยอมรับกันแล้วว่านับวันปัญหานักเรียน นักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาทยกพวกตะลุมบอนกันรวมทั้งปัญหาสังคมอื่นๆที่เกี่ยวกับเด็ก นับวันยิ่งสร้างผลกระทบขยายเป็นวงกว้างมากขึ้นทุกที และปัญหาดังกล่าวไม่ใช่อยู่แค่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร แต่ได้แพร่กระจายออกไปตามหัวเมืองระดับจังหวัด และอำเภอทั่วประเทศ

ไม่ใช่มีเฉพาะกรณีนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลภาคตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ที่ตะลุมบอนกับนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน เท่านั้น เพราะยังมีนักเรียนมัธยม รวมทั้งขยายวงลงมาจนถึงระดับประถมในหลายจังหวัดแล้ว

ดังนั้นหากคิดจะแก้ปัญหาก็ต้องทุ่มเทกันทั้งระบบ คลอบคลุมกันทุกฝ่ายไปพร้อมๆกัน อย่าทำแบบฉาบฉวย ไม่เช่นนั้นพอตื่นตัวกันครั้งหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไปก็เงียบหายไป รอวันปะทุขึ้นมาใหม่ ไม่จบสิ้น

หากว่าไปแล้วปัญหานักเรียน นักศึกษายกพวกตีกันเกิดขึ้นมานานหลายสิบปีแล้ว ทั้งอ้างศักดิ์ศรีสถาบันหรือไม่ก็ตาม เกิดขึ้นมาตลอดทุกยุคทุกสมัย แต่ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าไม่มีแนวโน้มรุนแรงเหมือนเช่นทุกวันนี้

ถามว่ามันเป็นเพราะอะไร !!

หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า นอกเหนือจากการมีเรื่องมีราวกันเป็นปกติแทบจะทุกวันอยู่แล้ว ถ้าไม่เกิดขึ้นกับสถาบันนี้ ก็ไปเกิดขึ้นกับสถาบันโน้นเป็นประจำ แต่วันใดก็ตามพอปรากฏเป็นข่าวคราวตามหน้าหนังสือพิมพ์ขึ้นมา หรือมีข่าวปรากฎทางโทรทัศน์ก็เชื่อได้เลยว่าวันถัดไปจะต้องมีเหตุการณ์ทำนองเดียวกันเกิดขึ้นตามมาอีกหลายพื้นที่

เป็นลักษณะเหมือนกับเกิดพฤติกรรมเลียนแบบไม่มีผิด

ขณะเดียวกันมีมุมมองว่า หากจะแก้ปัญหาของเด็กเหล่านี้ก็ต้องพิจารณาในแง่ “จิตวิทยาวัยรุ่น” เป็นประเด็นสำคัญ นั่นคือพวกเขาต้องการสร้าง “ปมเด่น” คิดว่าสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไปนั้นเป็นสิ่งโก้เก๋ ได้รับการยอมรับในหมู่พวกเดียวกัน หรือประกาศให้ต่างกลุ่มได้รู้ว่า “กูเจ๋ง” ได้ “โชว์สาวๆ” อะไรประมาณนี้

ยิ่งเป็นข่าวออกไปครึกโครมมากขึ้นเท่าใด มันก็ยิ่งทำให้เกิด “แรงจูงใจ” ให้กลุ่มนักเรียน นักศึกษาจากสถาบันอื่นคนอื่นๆเลียนแบบทำตามบ้าง เพราะหันไปทางไหนมีแต่คนพูดถึง ก็ยิ่งฮึกเหิม ทำให้เข้าใจผิดคิดว่าตัวเองได้ก่อวีรกรรมกล้าหาญ ก่อเหตุโดยไม่ยั้งคิดตามมาเรื่อยๆ

เพราะถ้าลองไปถามเด็กเหล่านั้นหลังจากก่อเหตุแล้วร้อยทั้งร้อยจะมีลักษณะท่าทางจ๋องๆ ตื่นกลัว และส่วนใหญ่สำนึกผิดว่าทำลงไปด้วยความคึกคะนอง และเพื่อนพาไป

หากสังเกตพฤติกรรมของเด็กวัยรุ่นเหล่านี้ ก่อนการก่อเหตุส่วนใหญ่มักจะมีการรวมตัว รวมกลุ่ม เพราะถ้าเดินไปคนเดียวหรือสองสามคนแล้ว ตามศัพท์วัยรุ่นเขาบอกว่า “ไม่ค่อยซ่า” แต่จะออกฤทธิ์เดชเมื่อมีการรวมหมู่กันเป็นจำนวนมาก

นี่คือพฤติกรรมหลักของวัยรุ่นที่ไม่จำเป็นต้องมองให้ซับซ้อนอะไรมากนัก

อย่างไรก็ดีสำหรับวิธีการแก้ปัญหาต้องดำเนินการให้ตรงจุดและเป็นระบบพร้อมๆกัน ทั้งสถาบันการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ อาจารย์ ผู้ปกครอง รุ่นพี่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์

ต้องมีลักษณะป้องปราม รวมทั้งมีความเด็ดขาด เพื่อให้เกิดความกลัว จำกัดพฤติกรรมเลียนแบบ และที่สำคัญสื่อต้องไม่เสนอข่าวในทำนองให้เกิดในลักษณะ “ฮีโร่แฝง” ในทางตรงกันข้ามต้องทำให้เห็นว่าเมื่อก่อเหตุแล้วตัวเองจะต้องหมดอนาคต ต้องติดคุกติดตะราง พ่อแม่พี่น้องต้องเสียใจ

ต้องกำหนดมาตรการควบคุมเข้มงวดให้เข็ดหลาบ แยก “หัวโจก” ที่มีทั้งรุ่นพี่ที่มักเข้าสร้างอิทธิพล ไม่ให้เป็นตัวอย่างในทางที่ผิดให้คนอื่นทำตาม จนก่อให้เกิดความเสียหายตามมาอีก

แม้ว่าเวลานี้ทางกระทรวงศึกษาธิการได้ตื่นตัวหันมาเข้มงวดอีกครั้ง กำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆมากมาย รวมทั้งคาดโทษไปถึงผู้บริหารสถานศึกษานั้นๆอีกด้วย ซึ่งจะเป็นแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีหน้าที่สำคัญในการรักษาความสงบ และรักษากฎหมายอย่างเอาจริงเอาจังและต่อเนื่อง ต้องมีความรวดเร็วในการเข้าไประงับเหตุอย่างทันท่วงที หรือป้องกันเหตุยกพวกตะลุมบอนกัน ทั้งบนรถประจำทางหรือตามสถานที่ชุมชนต่างๆ เพื่อป้องกันความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลอื่น

เพราะวิธีการอย่างที่ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินำตัวแทนจากสองสถาบันการศึกษาคู่อริมามอบดอกไม้ มาจับมือกัน แล้วให้ช่างภาพสื่อมวลชนถ่ายภาพทำให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายดีกันแล้ว ถือว่าเป็นวิธีการฉาบฉวย แม้หากมองในด้านบวกอาจมีเจตนาดี แต่พิจารณาอย่างเข้าใจแล้วก็ต้องบอกว่านี่เป็นการจัดฉาก สร้างภาพให้กับนายตำรวจคนนี้เท่านั้น

ไม่มีประโยชน์อันใดเลย

แต่อีกมุมหนึ่งยังเป็นการตบหน้า พล.ต.อ.จงรัก ฉาดใหญ่ เพราะไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นนักศึกษาจากสองสถาบันดังกล่าวก็ได้ก่อเหตุอย่างอุกอาจ ประจานความชุ่ย ประจานคนที่ทำงานเอาหน้าได้อย่างดี

ดังนั้นหากคิดจะแก้ปัญหาก็ต้องไม่สร้างปัญหาต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องครอบคลุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และที่สำคัญต้องเข้าใจ “จิตวิทยาเด็กวัยรุ่น” ให้ได้ อย่าโชว์ออฟเสียเอง !!



กำลังโหลดความคิดเห็น