“สาทิตย์” ผุดไอเดียตั้งผู้ช่วย รมต.เน้น ศก.-สังคม ปัดดึง พธม.แจม

รมต.สำนักฯ โยนหินถามทางแต่งตั้งผู้ช่วย รมต.กระทรวงเศรษฐกิจ และสังคม เผยหลังหารือกฤษฎีกาไม่ผิดกฎหมาย ยันคุณสมบัติเน้นผู้ที่เคยช่วยเหลือพรรคมาก่อน เพื่อความโปร่งใสต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.ด้วย ไม่หวั่นเสียงวิจารณ์รัฐแจก ส.ป.ก. ลั่นทำใจมานานแล้ว

วันนี้ (20 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการแต่งตั้งตำแหน่งคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่า ระเบียบสำนักนายกฯ เปิดช่องให้สามารถแต่งตั้งตำแหน่งดังกล่าวได้ตามความจำเป็น ซึ่งการแต่งตั้งดังกล่าวไม่ได้มีหาตำแหน่งให้ใคร ส่วนกรณีที่ ส.ว.ยื่นเรื่องให้มีการตรวจสอบคุณสมบัติผู้มาดำรงตำแหน่งนั้นต้องดูตามระเบียบสำนักนายกฯ ส่วนการร้องเรียนตราบใดที่ผลการพิจารณายังไม่ถึงที่สุดก็สามารถแต่งตั้งได้ แต่ถ้าในอนาคตข้างหน้าผลออกมาอย่างไรก็ต้องถือตามผลนั้นเพราะเป็นที่สุดแล้ว ที่ผ่านมาได้หารือมีการปรึกษากับเลขาธิการกฤษฎีกาแล้ว ได้รับการยืนยันว่าการแต่งตั้งดังกล่าวถูกกฎหมายสามารถทำได้

แต่เราต้องคำนึงถึงความเหมาะสมและความจำเป็น โดยหลักเราต้องพิจารณาถึงความจำเป็นก่อน และเป็นเรื่องที่รัฐมนตรีต้องมีการหารือกับนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ นายกฯ อีกทั้งนายกฯ เคยหารือว่า หากมีการแต่งตั้งตำแหน่งดังกล่าวจะต้องมีการชี้แจงบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่มีในกฎหมาย แต่เป็นสิ่งที่ควรทำ แต่จะเป็นระเบียบใหม่หรือไม่นั้น คงต้องมากำหนดและหาข้อสรุปอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวนายสำราญ รอดเพชร แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะมานั่งตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรี นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นรายชื่อดังกล่าว หากมีการแต่งตั้งจริงก็ต้องอธิบายเหตุผลได้ โดยหลักพรรคประชาธิปัตย์จะต้องพิจารณาเอาบุคคลที่เคยช่วยงานพรรคมาก่อน และดูความเหมาะสม รวมทั้งหากมีการวิพากษ์วิจารณ์ก็ต้องชี้แจงสังคมได้ เมื่อถามว่าทุกครั้งที่มีการแต่งตั้งตำแหน่งทางการเมือง จะมีรายชื่อบุคคลที่สังคมไม่ยอมรับอยู่ด้วย นายสาทิตย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี ถ้าการแต่งตั้งเป็นระบบเปิดให้ทุกคนได้รับทราบและมีการวิจารณ์ อย่างน้อยจะทำให้คนที่ได้รับการแต่งตั้งได้รับรู้ว่า เราต้องรับผิดชอบต่อสังคม และคนที่ถูกเสนอแต่งตั้งจะได้ชี้แจงต่อสังคมได้

เมื่อถามว่าจะเป็นจุดอ่อนให้รัฐบาลถูกโจมตีหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า รัฐบาลเป็นบุคคลสาธารณะ ทุกคนต้องพร้อมรับการวิพากษ์วิจารณ์ ดังนั้น การดำเนินการเรื่องใดก็น้อมรับคำวิจารณ์

เมื่อถามว่า จำเป็นแค่ไหนที่ต้องมีการแต่งตั้งผู้ช่วยรัฐมนตรี นายสาทิตย์ กล่าวว่า จากการคุยกันบางกระทรวงก็มีความจำเป็น แต่ก็ไม่ได้แต่งตั้งทุกกระทรวง โดยจะเน้นในส่วนเศรษฐกิจ และสังคม เมื่อถามว่าเหตุผลที่แต่งตั้งตำแหน่งดังกล่าวเพราะต้องการกระจายตำแหน่งให้คนในพรรค เพื่อป้องกันปัญหาคนที่ไม่ได้รับตำแหน่ง นายสาทิตย์ กล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะถ้าจะให้อดีตผู้สมัครของพรรคทุกคนอาจมีตำแหน่งไม่พอ หลักการเราต้องดูที่เนื้องานเป็นหลัก และดูคนที่เหมาะสม ไม่ใช่คนที่ไม่มีตำแหน่งและรัฐบาลต้องหาตำแหน่งมาเพิ่ม ถ้าอย่างนั้นเราต้องอธิบายสังคม ถามว่าเป็นการเอาใจกลุ่มพันธมิตรฯ ใช่หรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ไม่ใช่เป็นการเอาใจ แต่เอาใจประชาชนมากกว่า ซึ่งทุกคนมีที่มาที่ไปมาก่อน คนที่เคยขึ้นเวทีพันธมิตรฯ แต่ไม่เคยมาทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์ เราก็ไม่ได้แต่งตั้ง

นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรี ตามระเบียบสำนักนายกฯ มีความเข้มข้นมากไม่สามารถแต่งตั้ง ส.ส.มาเป็นได้ เพราะถือเป็นตำแน่งข้าราชการทางการเมือง อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งดังกล่าวไม่จำเป็นต้องให้นายกฯ ลงนามแต่งตั้ง ซึ่งชื่อจะใช้คณะกรรมการประสานงานระหว่างรัฐบาลกับรัฐสภา ทั้งนี้ยังมีความแน่นอจนกว่าจะได้หารือในครม.ก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่รัฐบาลมีแนวคิดแจก ส.ป.ก.4-01 ถือว่าเป็นการท้าทายหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการท้าทาย ทุกเหตุผลต้องมีการอธิบาย ทุกเรื่องที่ทำมาคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะมีการวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้น ทำให้ในที่สุดคนที่ถูกวิจารณ์ต้องระวังตัว และได้รับการตรวจสอบจากสังคมอย่างเข้มงวด แนวทางการทำงานที่นายกฯ ให้ไว้เริ่มตั้งแต่ตั้งรัฐบาล แนวทางหนึ่งคือต้องคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนด้วย ข้อนี้เป็นเรื่องสำคัญ

เมื่อถามว่า การทำงานที่ผ่านมาของรัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์มาก ทั้งที่เข้ามาทำงานได้ไม่นาน จะทำให้เกิดผลกระทบต่อการบริหารงานหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า การทำงานต้องควบคู่ไปกับการวิพากษ์วิจารณ์ เป็นเรื่องที่คนเข้ามาทำงานการเมืองต้องยอมรับและชี้แจงต่อสังคม