แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน อวดความดีอ้างคือตัวแปรทำชาติสงบสุข แต่จะถูกประณามก็ยอม ท้าหากรัฐบาลเอาแต่เล่นการเมืองค่อยออกมาชุมนุม คุยโวพลิกวิกฤตเป็นโอกาสอย่าปิดกั้นการแสดงความคิดเห็น งดตอบโต้ประเด็นการเมือง
วันนี้ (16 ม.ค.) ที่โรงแรมปริ้นตัน ปาร์ค สวีท ดินแดง นายบุญจง วงไตรรัตน์ รมช. มหาดไทย (มท.2) เป็นประธานเปิดการประชุมมอบนโยบายต่อข้าราชการกรมพัฒนาชุมชน ในเรื่องการดำเนินงานหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงและศึกษาดูงานโครงการอันเนื่องพระราชดำริ เพื่อประยุกต์ใช้ในการพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชน โดยนายบุญจง กล่าวตอนหนึ่งว่า บรรยากาศการเมืองขณะนี้ ยังมีความแตกแยกอยู่มาก แต่เราหลีกหนีไม่พ้นเรื่องการชุมนุมเนื่องจากประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากการยุบพรรคการเมือง3 พรรค นำไปสู่การมีรัฐบาลใหม่ และมีการเลือกผู้นำคนใหม่ ซึ่งหลายคนลุ้นว่าประเทศไทยจะเดินไปทางเดิมหรือทางใหม่ ซึ่งขณะนั้นหากเลือกขั้วการเมืองขั้วเดิมก็จะมีคนที่มีข้อกล่าวหาอยู่ในชั้นการสอบของ ป.ป.ช. เมื่อมีการชี้มูลความผิดก็ต้องพ้นจากตำแหน่ง อาจจะทำให้เกิดทางตันทางการเมืองอีกครั้ง
ฉะนั้น คนที่สามารถแก้เรื่องแบบนี้ได้ก็ต้องเป็นนักการเมือง จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้พวกตน 20 คน ตัดสินใจเปลี่ยนขั้วทางการเมือง มิฉะนั้น อาจเกิดปัญหาอำนาจอย่างอื่น เช่น การปฏิวัติ ซึ่งอาจเกิดความเสียหายกว่าการปิดสนามบิน ซึ่งการตัดสินใจแม้ถูกด่าก็ไม่เป็นไร แต่ระยะยาวรัฐบาลบริหารงานมีผลงานสู่ประชาชน คนทั้งประเทศจะรู้เองว่าเราทำเพื่อชาติ
นายบุญจง กล่าวว่า มหาดไทยได้มีการมอบนโยบายโครงการสร้างความสมานฉันท์คนในชาติเป็นโครงการร่วมกันระหว่าง 3 กรม คือ กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น และกรมการพัฒนาชุมชน ร่วมกันช่วยดูแล ตนอยากให้ทั้ง 3 กรมจับมือร่วมกันปฏิบัติงานอย่างสุดความสามารถ ถึงแม้รัฐบาลจะมีนโยบายที่ดีแค่ไหนแต่หากบ้านไม่สงบสุขก็ไม่สามารถนำนโยบายนั้นมาใช้ได้
นายบุญจง กล่าวต่อว่า เมื่อครั้งเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ตรัสว่า ขอให้รัฐบาลบริหารประเทศด้วยความเรียบร้อย ความราบรื่น ให้ประชาชนมีความสุข ซึ่งจะสำเร็จได้ต้องอาศัยสรรพกำลังทุกภาคส่วน ภาครัฐ และภาคประชาชนต้องเห็นตรงกันว่านี่คือประเทศชาติของเรา ทำอย่างไรให้ผู้ที่เห็นต่างกันอยู่ด้วยกันได้อย่างสงบสุข ดังนั้น ต้องเน้นการสร้างความสมานฉันท์ มหาดไทยยุคนี้จะมีหน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุขเคลื่อนที่ ซึ่งต้องดูแลทุกเรื่องของประชาชน ตลอดจนดูแลปัญหาต่อเนื่องไปในอนาคต เช่น มองว่าพื้นที่ไหนปลูกอะไร มีโรงงานอะไร และมีโอกาสจะเกิดปัญหาอะไร แล้วรีบรายงานเข้ามา ผู้ว่าฯ ต้องรู้ในทุกตารางนิ้วของประเทศว่า ประชาชนต้องการให้ราชการช่วยอะไร จนถึงต้องรู้ว่าใครคือหัวหน้า แกนนำผู้ชุมนุม และเชิญพวกนี้มาพบ กินข้าว พูดคุย เอาสิ่งที่เห็นตรงข้ามกับรัฐบาลมาทำความเข้าใจ แต่ต้องไม่สกัดกั้นการแสดงออกของประชาชนอย่างเด็ดขาด ถ้าเรากดดัน ปิดกั้น ความสมานฉันท์ก็จะไม่เกิด ต้องให้เหตุผลให้ได้ว่า สิ่งที่ทำจะส่งผลกระทบต่อบ้านเมืองอย่างไร ให้รัฐบาลบริหารงานสักระยะ ถ้ารัฐบาลเอาแต่เล่นการเมือง ผลงานไม่ปรากฏ ค่อยมาชุมนุมก็ได้ ถ้าข้อมูลมีเหตุผล คนเหล่านั้นก็เชื่อ เพราะต่างก็อยากเห็นบ้านเมืองสงบ แล้วคนจะมีงานทำ ประชาชนคุยไม่ยาก แต่วันนี้โอกาสจะคุยยังไม่มี เว้นแต่ประเภทพวกต่อต้านอยู่ในสายเลือด คุยได้หรือไม่อย่างไรก็ค่อยว่ากัน
นายบุญจง กล่าวต่อว่า ตนบอกนายอภิสิทธิ์เสมอว่ารัฐบาลต้องอดทนสร้างศรัทธาให้ประชาชน ถ้าประชาชนไม่เห็นด้วยเรื่องไหน รัฐบาลก็รับฟัง นายกฯ ก็ทำงานเต็มที่ มีการตอบโต้ทางการเมืองน้อย ตอนนี้กำลังจะมีงบประมาณกว่า 1.4 แสนล้านบาท ลงไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 7,853 แห่งทั่วประเทศ และจะยังมีการนำงบประมาณกลางปีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าสู่การพิจารณาของสภา เมื่อเปิดสมัยประชุม ซึ่งคาดว่าจะใช้ได้ในราวเดือน มี.ค.นี้ เงินถึงระดับรากหญ้าทั้งสิ้น ทั้งเงินยังชีพผู้สูงอายุ เงินตอบแทนอาสาสมัคร จนถึงเงินโครงการ SML ที่จะมีเงินไหลเวียนเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า ตามแนวคิดหมู่บ้าคิดเอง ทำเอง และมีงบประมาณอีกหลายตัวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะได้ผลต่อเมื่อเรามีความสมานฉันท์กันในชาติ วิกฤตความแตกแยกหากยังดำรงอยู่ ประเทศชาติก็จะล่มสลาย