อดีตกรรมาธิการยกร่าง รธน.ยอมรับ รธน.ปี 50 ถือเป็นยาแรง แนะหากเห็นข้อบกพร่องเสนอตั้งคนกลางทำหน้าที่ศึกษาก่อนตั้ง ส.ส.ร.3 ชี้ นิสัยคนไทยไม่ชอบให้ใครมาผูกมัดระบุควรใช้รัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร
วันนี้ (4 ม.ค.) นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และอดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ยอมรับว่า รัฐธรรมนูญปี 2550 ถือเป็นยาแรง ดังนั้น หากเห็นข้อบกพร่องจากการบังคับใช้ สามารถแก้ไขได้ เพียงแต่ส่วนตัวเห็นว่าควรตั้งคนกลางเป็นที่ยอมรับของสังคมมาทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการเพื่อศึกษาว่ามีข้อบกพร่องและสมควรให้มีการแก้ไขในส่วนใดขึ้นมาก่อน จนนำไปสู่การตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร.3 เพื่อดำเนินการแก้ไขบางประเด็นที่คณะกรรมการชุดศึกษาข้อบกพร่องได้ทำการศึกษาไว้แล้ว
กรรมการ ป.ป.ช.กล่าวว่า ส่วนตัวได้ศึกษาเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญแล้ว เห็นว่า ประเทศไทยควรใช้รัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร แต่ให้ยึดหลักนายกรัฐมนตรี ต้องเป็นผู้รับผิดชอบรัฐสภา มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้ระบอบประชาธิปไตย มีราชอาณาจักรเป็นหนึ่งเดียว จะแบ่งแยกไม่ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ ทุกคนยึดถือปฏิบัติ แต่พอมีการปรับเปลี่ยนไปเขียนรายละเอียดให้ครอบคลุมลงในรัฐธรรมนูญก็จึงเกิดปัญหาตามมาจำนวนมาก
“คนไทยไม่ชอบให้ใครมาผูกมัด ชอบให้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เปลี่ยนใจได้เพียงข้ามคืน ดังนั้น การให้ยึดรูปแบบรัฐธรรมนูญ สิ่งที่เกิดขึ้น คือ ถ้าจะล้มล้างรัฐธรรมนูญต้องใช้อำนาจปฏิวัติ ไม่ได้แก้ไขโดยวิธีปกติ แต่ให้แก้โดยใช้ปากกระบอกปืน ใช้อำนาจในการบังคับ แต่หากไม่มีตัวรัฐธรรมนูญ ก็จะมีกฎหมายในแต่ละฉบับ และเมื่อต้องการแก้ก็แก้เฉพาะเรื่อง เราไปยึดรูปแบบมากเกินไป พอจะแก้รัฐธรรมนูญแต่ละครั้งจะมานั่งเถียงกัน ซึ่งเมื่อศึกษาก็เห็นว่า เดินทางผิด เราไปยึดหลักรัฐธรรมนูญให้สูงสุด ใครจะได้แตะต้องไม่ได้ ที่ผ่านมา เห็นชัด เช่น ศาสนาพุทธควรเป็นศาสนาประจำชาติหรือไม่ ซึ่งไม่ใส่ก็เห็นว่าไม่เคารพ แต่เมื่อใส่ก็จะกระทบทันที ขณะเดียวกัน หากต้องการปฏิรูปการเมือง ก็ควรไปแก้ไขในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญแทน ซึ่งทำได้ง่ายกว่าเช่นกัน” นายวิชา กล่าว