วิปรัฐบาลปรับกรอบเวลาอภิปรายอีกรอบ หั่นเวลาแจงพรรคร่วมรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี ตามคำทักท้วง ส.ว.และพรรคร่วมฝ่ายค้าน ด้านวิปวุฒิฯ จัด 35 ส.ว.อภิปรายนโยบายตามกรอบเวลา 7 ชั่วโมง
วันนี้ (26 ธ.ค.) นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เปิดเผยว่า วิปรัฐบาลได้ปรับกรอบเวลาในการอภิปรายนโยบาย โดยเพิ่มเวลาของพรรคร่วมฝ่ายค้านจากเดิม 6 ชั่วโมง เป็น 8 ชั่วโมง เพิ่มเวลาอภิปรายของ ส.ว.จาก 6 ชั่วโมง เป็น 7 ชั่วโมง ขณะที่ลดเวลาอภิปรายของพรรคร่วมรัฐบาลจาก 6 ชั่วโมงเหลือ 5 ชั่วโมง และลดเวลาชี้แจงของคณะรัฐมนตรีจาก 6 ชั่วโมงเหลือ 4 ชั่วโมง ส่วนกรอบเวลาอภิปรายนโยบายของนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคการเมือง ยังคงอยู่ที่ฝ่ายละ 2 ชั่วโมง และกรอบเวลาในการอภิปรายทั้งสองวันยังคงอยู่ที่ 28 ชั่วโมง ส่วนสาเหตุที่มีการเปลี่ยนแปลงกรอบเวลาครั้งล่าสุดเนื่องจาก ส.ว.และพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ทักท้วงว่าเวลาที่จัดให้ไม่เพียงพอกับผู้อภิปรายที่แสดงความจำนงไว้ อย่างไรก็ดี วิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านมีกำหนดประชุมเพื่อกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนครั้งสุดท้ายในวันที่ 29 ธ.ค.เวลา 08.00 น.
ด้าน นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี กรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา เปิดเผยภายหลังการประชุมเพื่อพิจารณากรอบเวลาในการอภิปรายนโยบายของรัฐบาลของ ส.ว.ว่า ได้แจ้งต่อที่ประชุมถึงกรอบเวลาที่ได้รับจากจัดสรรจากวิปรัฐบาลในสัดส่วนของ ส.ว.อภิปรายอยู่ที่ 7 ชั่วโมง (หรือ 420 นาที) โดยผู้อภิปรายของ ส.ว.จะมาจากตัวแทนของคณะกรรมาธิการสามัญของวุฒิสภา 22 คณะ และการคัดเลือกของวิปวุฒิ 10 คน ทั้งนี้ หากเป็นไปตามตามจำนวน ส.ว.และสัดส่วนเวลาจะมีผู้อภิปรายได้ 32 คน โดยสามารถอภิปรายคนละ 15 นาที เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ ส.ว.ได้อภิปรายมากขึ้น จึงเสนอให้ลดเวลาอภิปรายต่อคนจาก 15 นาที เหลือคนละ 12 นาทีจะสามารถเพิ่มจำนวนผู้อภิปรายได้อีก 3 คน ทำให้ ส.ว.จะมีจำนวนผู้อภิปรายจำนวน 35 คน ทั้งนี้ที่ประชุมมีความเห็นคล้อยตามที่ประชุม จึงเสนอให้นำรายชื่อ ส.ว.ที่แสดงความจำนงจะอภิปรายนอกเหนือจากคัดเลือกไว้เดิมเพิ่มเติมไปอีก 3 คน คือ นายประเสริฐ ชิตพงษ์ ส.ว.สงขลา, นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา และนายมณเฑียร บุญตัน ส.ว.สรรหา ทั้งนี้ การอภิปรายวิปวุฒิฯ ได้จัดลำดับการอภิปรายตามลำดับนโยบายของรัฐบาลเพื่อสอดคล้องกับคำแถลงนโยบาย สำหรับแนวทางในการอภิปรายที่ ส.ว.จะอภิปรายเพื่อเสนอข้อแนะนำและข้อมูลที่กรรมาธิการได้ศึกษามาเพื่อนำไปประกอบการดำเนินนโยบายของรัฐบาล