“เชาวริน” หนุน “เหลิม” ขุนพลนำถล่มนโยบายรัฐบาล ปฏิเสธบีบ “ยงยุทธ” พ้นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย “วิทยา” ซัดโผ “ครม.มาร์ค” เอื้อประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าชาติ ฟุ้งให้จับตาข้อมูลเด็ดวันอภิปราย พุ่งเป้ากรีด “เขยซีพี-กษิตพันธมิตรฯ” เย้ยจัด ครม.เอื้อ 4 กลุ่ม
วันนี้ (19 ธ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้ทางแกนนำพรรคได้นัดประชุมหารือเกี่ยวกับการวางตัวบุคคลที่จะเป็นผู้อภิปรายในวันแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันที่ 29 และ 30 ธันวาคมนี้ โดยเชื่อว่าจะมีประมาณ 30-40 คน โดยไม่มีการแบ่งตามโควตากลุ่ม หรือโควตาภาค ซึ่งรูปแบบของการอภิปรายจะไม่ใช่ลักษณะของการค้านเพียงอย่างเดียว แต่จะมีการซักถามและฝากเรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลไปดำเนินการด้วยซึ่งพรรคพร้อมให้โอกาสรัฐบาลในการทำงาน
ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวอีกว่า ทั้งนี้พรรคได้นัดหารือเรื่องบุคคลที่จะมาเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ส่วนตัวเห็นว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นผู้ที่มีความเหมาะสมเพราะมีความเจนจัดและมีประสบการณ์ทางการเมืองสูง ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เป็นเรื่องเร่งด่วน แต่เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องมี คาดว่าน่าจะได้ผู้นำฝ่ายค้านฯก่อนที่จะมีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ในวันที่ 11 ม.ค.2551 อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันพรรคไม่ได้กดดันให้ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่ได้เป็น ส.ส.จึงไม่สามารถเป็นผู้นำฝ่ายค้านฯได้
ส่วนกรณีที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้มีการนำนโยบายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาสานต่อนั้น ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี ซึ่งประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน และเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าเป็นการยอมรับโครงการของอดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีไปทั้งหมด อันไหนดีก็มีการต่อยอดต่อไป
ขณะที่ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม.สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การสรรหาผู้นำฝ่ายค้านฯ ยังมีเวลาเพราะต้องรอขั้นตอนให้ฝ่ายรัฐบาลจัดตั้ง ครม.โดยขณะนี้เห็นว่ายังไม่มีผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม หลังจากที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ปฎิเสธที่จะรับตำแหน่งดังกล่าว ทั้งนี้ ทางทีมกฎหมายพรรคจะทำหนังสือถึง กกต.เพื่อสอบถามถึงความชัดเจนเรื่องการรับรองการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเพราะกรงว่าจะเป็นปัญหาในการตีความ
นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงโผคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าเมื่อการเปลี่ยนแปลงเปลี่ยนขั้วทางการเมือง ผู้ที่เป็นรัฐมนตรีก็ต้องมีคำตอบให้กับสังคมพอสมควร เท่าที่ดูส่วนตัวเห็นว่าเป็นการตั้ง ครม.ได้พิจารณาผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าผลประโยชน์ของชาติซึ่งเห็นได้ชัดเพราะเราได้เห็นกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลยังมีพรรคร่วมรัฐบาลเดิมอยู่จนเป็นที่มาของนายกรัฐมนตรี
นายวิทยา กล่าวอีกว่า โดยเฉพาะการที่จะตั้งนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีตรองนายกรัฐมนตรีจากพรรคพลังประชาชนเดิม มาตั้งเป็น รมว.มหาดไทย ในโควตากลุ่มเพื่อนเนวินซึ่งจะต้องชี้แจงต่อสังคมด้วย แต่ตอนนี้อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้าย บางคนยังไม่ใช่ เพราะไม่ทราบว่าหนาหรือบาง ซึ่งวันนี้ยังไม่ขอพูดถึงเสถียรภาพของรัฐบาล แต่ขอให้มองในสิ่งที่ดี
ส่วนกรณีมีข่าวจะตั้งนายกษิต ภิรมย์ ซึ่งถูกมองว่ามาจากกลุ่มพันธมิตรฯ มาเป็น รมว.กระทรวงการต่างประเทศนั้น นายวิทยา กล่าวว่า ยังมีอีกมากที่จะต้องติดตามต่อไปซึ่งในเรื่องนี้อยากให้จับตาให้ดีประเด็นในการอภิปรายในสภายังมีข้อมูลลึกๆเกี่ยวกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯเกี่ยวโยงกับกระทรวงการต่างประเทศ ใครที่ยังไม่ทราบประวัติตัวเอง ก็จะทราบ เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์หรือเปล่า นายวิทยา กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า วันนี้ก็มีอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้ประกาศจะนำนโยบายของรัฐบาลเดิมมาสานต่อนั้นว่าถ้ามีการเอานโยบายของพรรคพลังประชาชนก็ดูแปลกๆ เพราะที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์มีแนวคิดไปคนละขั้วแต่กลับคิดจะนำนโยบายไปใช้ แสดงว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีแนวคิดของตนเอง
นายวิทยา กล่าวถึงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรว่า ต้องหารือกันในพรรคเพื่อไทยก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่มีเรื่องติดขัดตรงที่ผู้นำฝ่ายค้านฯต้องเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองและ ส.ส. แต่ในกรณีของพรรคเพื่อไทยไม่ใช่ จึงต้องพิจารณากันอีกครั้ง
นายวิทยา กล่าวว่า ในส่วนการเตรียมผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นั้น พรรคเพื่อไทยมีความพร้อมแล้วกว่าร้อยละ 90 ที่เหลือเพียงขณะนี้จะต้องรอให้มีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งเท่านั้นซึ่งถ้ายังไม่มีก็อาจเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปเพราะต้องรอให้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ดังนั้น วันนี้ทางพรรคได้ส่งทีมกฎหมายไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อสอบถามความชัดเจน ภายหลังการยุบพรรคพลังประชาชน ยังไม่มีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาและยังไม่มีการยืนยัน หรือรับรองการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยจาก กกต.ถูกต้อง จึงทำหน้าที่หรือรายละเอียดต่างๆ ยังไม่สมบูรณ์
ด้าน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากที่ดูโผ ครม.ของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ยิ่งเห็นได้ชัดว่าถูกครอบงำ และมีการจัดเอื้อ 4 กลุ่มชัดเจน ทั้งกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลและกลุ่มการเมืองอย่าง กลุ่มเพื่อนเนวิน เพราะเสียงรัฐบาลไม่มากเพียงพอ เอื้อให้กลุ่มทหารโดยเฉพาะดึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาเป็น รมว.กลาโหม เนื่องจากทางกองทัพออกมาปรามไม่ให้นายกรัฐมนตรีนั่งควบ ยังเอื้อให้กับกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างนายกษิต ภิรมย์ ที่จากกลุ่มพันธมิตรฯ มาเป็น รมว.กระทรวงการต่างประเทศ นอกจากนี้ยังหนีไม่พ้นกับการเอื้อกลุ่มทุนในการตั้ง นายวีระชัย วีระเมธีกุล ซึ่งลูกเขยผู้บริหารเครือซีพีเข้ามาเป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จนทำให้ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ แสดงความไม่พอใจ ดังนั้น แม้ว่าประชาชนคาดหวังในรัฐบาลใหม่ แต่สุดท้ายการตั้ง ครม.ก็ยังไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นได้แต่ยังทำให้
ขณะที่ นายสุธรรม แสงประทุม อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย กล่าวว่าโผ ครม.ของรัฐบาลก็เห็นได้ชัดว่า ครม.ยังมีการต่อรองตำแหน่งต่างๆ โดยเฉพาะจากกลุ่มเพื่อนเนวินและยังถูกครอบงำจากกลุ่มทหารในการจัดตั้ง ครม.ด้วย
วันนี้ (19 ธ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้ทางแกนนำพรรคได้นัดประชุมหารือเกี่ยวกับการวางตัวบุคคลที่จะเป็นผู้อภิปรายในวันแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันที่ 29 และ 30 ธันวาคมนี้ โดยเชื่อว่าจะมีประมาณ 30-40 คน โดยไม่มีการแบ่งตามโควตากลุ่ม หรือโควตาภาค ซึ่งรูปแบบของการอภิปรายจะไม่ใช่ลักษณะของการค้านเพียงอย่างเดียว แต่จะมีการซักถามและฝากเรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลไปดำเนินการด้วยซึ่งพรรคพร้อมให้โอกาสรัฐบาลในการทำงาน
ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวอีกว่า ทั้งนี้พรรคได้นัดหารือเรื่องบุคคลที่จะมาเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ส่วนตัวเห็นว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นผู้ที่มีความเหมาะสมเพราะมีความเจนจัดและมีประสบการณ์ทางการเมืองสูง ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เป็นเรื่องเร่งด่วน แต่เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องมี คาดว่าน่าจะได้ผู้นำฝ่ายค้านฯก่อนที่จะมีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ในวันที่ 11 ม.ค.2551 อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันพรรคไม่ได้กดดันให้ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่ได้เป็น ส.ส.จึงไม่สามารถเป็นผู้นำฝ่ายค้านฯได้
ส่วนกรณีที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้มีการนำนโยบายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาสานต่อนั้น ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี ซึ่งประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน และเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าเป็นการยอมรับโครงการของอดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีไปทั้งหมด อันไหนดีก็มีการต่อยอดต่อไป
ขณะที่ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม.สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การสรรหาผู้นำฝ่ายค้านฯ ยังมีเวลาเพราะต้องรอขั้นตอนให้ฝ่ายรัฐบาลจัดตั้ง ครม.โดยขณะนี้เห็นว่ายังไม่มีผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม หลังจากที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ปฎิเสธที่จะรับตำแหน่งดังกล่าว ทั้งนี้ ทางทีมกฎหมายพรรคจะทำหนังสือถึง กกต.เพื่อสอบถามถึงความชัดเจนเรื่องการรับรองการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเพราะกรงว่าจะเป็นปัญหาในการตีความ
นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงโผคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าเมื่อการเปลี่ยนแปลงเปลี่ยนขั้วทางการเมือง ผู้ที่เป็นรัฐมนตรีก็ต้องมีคำตอบให้กับสังคมพอสมควร เท่าที่ดูส่วนตัวเห็นว่าเป็นการตั้ง ครม.ได้พิจารณาผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าผลประโยชน์ของชาติซึ่งเห็นได้ชัดเพราะเราได้เห็นกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลยังมีพรรคร่วมรัฐบาลเดิมอยู่จนเป็นที่มาของนายกรัฐมนตรี
นายวิทยา กล่าวอีกว่า โดยเฉพาะการที่จะตั้งนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีตรองนายกรัฐมนตรีจากพรรคพลังประชาชนเดิม มาตั้งเป็น รมว.มหาดไทย ในโควตากลุ่มเพื่อนเนวินซึ่งจะต้องชี้แจงต่อสังคมด้วย แต่ตอนนี้อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้าย บางคนยังไม่ใช่ เพราะไม่ทราบว่าหนาหรือบาง ซึ่งวันนี้ยังไม่ขอพูดถึงเสถียรภาพของรัฐบาล แต่ขอให้มองในสิ่งที่ดี
ส่วนกรณีมีข่าวจะตั้งนายกษิต ภิรมย์ ซึ่งถูกมองว่ามาจากกลุ่มพันธมิตรฯ มาเป็น รมว.กระทรวงการต่างประเทศนั้น นายวิทยา กล่าวว่า ยังมีอีกมากที่จะต้องติดตามต่อไปซึ่งในเรื่องนี้อยากให้จับตาให้ดีประเด็นในการอภิปรายในสภายังมีข้อมูลลึกๆเกี่ยวกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯเกี่ยวโยงกับกระทรวงการต่างประเทศ ใครที่ยังไม่ทราบประวัติตัวเอง ก็จะทราบ เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์หรือเปล่า นายวิทยา กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า วันนี้ก็มีอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้ประกาศจะนำนโยบายของรัฐบาลเดิมมาสานต่อนั้นว่าถ้ามีการเอานโยบายของพรรคพลังประชาชนก็ดูแปลกๆ เพราะที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์มีแนวคิดไปคนละขั้วแต่กลับคิดจะนำนโยบายไปใช้ แสดงว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีแนวคิดของตนเอง
นายวิทยา กล่าวถึงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรว่า ต้องหารือกันในพรรคเพื่อไทยก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่มีเรื่องติดขัดตรงที่ผู้นำฝ่ายค้านฯต้องเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองและ ส.ส. แต่ในกรณีของพรรคเพื่อไทยไม่ใช่ จึงต้องพิจารณากันอีกครั้ง
นายวิทยา กล่าวว่า ในส่วนการเตรียมผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นั้น พรรคเพื่อไทยมีความพร้อมแล้วกว่าร้อยละ 90 ที่เหลือเพียงขณะนี้จะต้องรอให้มีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งเท่านั้นซึ่งถ้ายังไม่มีก็อาจเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปเพราะต้องรอให้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ดังนั้น วันนี้ทางพรรคได้ส่งทีมกฎหมายไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อสอบถามความชัดเจน ภายหลังการยุบพรรคพลังประชาชน ยังไม่มีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาและยังไม่มีการยืนยัน หรือรับรองการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยจาก กกต.ถูกต้อง จึงทำหน้าที่หรือรายละเอียดต่างๆ ยังไม่สมบูรณ์
ด้าน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากที่ดูโผ ครม.ของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ยิ่งเห็นได้ชัดว่าถูกครอบงำ และมีการจัดเอื้อ 4 กลุ่มชัดเจน ทั้งกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลและกลุ่มการเมืองอย่าง กลุ่มเพื่อนเนวิน เพราะเสียงรัฐบาลไม่มากเพียงพอ เอื้อให้กลุ่มทหารโดยเฉพาะดึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาเป็น รมว.กลาโหม เนื่องจากทางกองทัพออกมาปรามไม่ให้นายกรัฐมนตรีนั่งควบ ยังเอื้อให้กับกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างนายกษิต ภิรมย์ ที่จากกลุ่มพันธมิตรฯ มาเป็น รมว.กระทรวงการต่างประเทศ นอกจากนี้ยังหนีไม่พ้นกับการเอื้อกลุ่มทุนในการตั้ง นายวีระชัย วีระเมธีกุล ซึ่งลูกเขยผู้บริหารเครือซีพีเข้ามาเป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จนทำให้ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ แสดงความไม่พอใจ ดังนั้น แม้ว่าประชาชนคาดหวังในรัฐบาลใหม่ แต่สุดท้ายการตั้ง ครม.ก็ยังไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นได้แต่ยังทำให้
ขณะที่ นายสุธรรม แสงประทุม อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย กล่าวว่าโผ ครม.ของรัฐบาลก็เห็นได้ชัดว่า ครม.ยังมีการต่อรองตำแหน่งต่างๆ โดยเฉพาะจากกลุ่มเพื่อนเนวินและยังถูกครอบงำจากกลุ่มทหารในการจัดตั้ง ครม.ด้วย