นายกฯ เดินสายแสดงวิสัยทัศน์พร้อมให้นิยามภาพลักษณ์นักการเมืองไม่ต่างจากจำเลยในสังคม แต่คุณค่าของนักการเมือง คือ ความผูกพัน กับ ปชช.แนะจะให้ความสำคัญภาษาไทย ไม่พูดไทยปนอังกฤษ มั่นใจคนนั่งเก้าอี้ “กระทรวงเสมา” ปฏิรูปการศึกษาได้
วันนี้ (18 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้เดินทางเข้าพรรคประชาธิปัตย์โดยได้ให้สัมภาษณ์ผ่านทางรายการ “101 ประเด็นข่าว” ในช่วง “ถามจริงตอบตรงกับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” โดยลักษณะของช่วงเป็นการคอมเมนต์เรื่องต่างๆ ตามสถานการณ์บ้านเมือง ซึ่งนายกฯได้กล่าวถึงคำนิยาม “นักการเมือง” ในมุมมองของตนเองว่า ที่จริงแล้ว “นักการเมือง” เหมือนความเป็นจำเลยของสังคม มีมานานแล้ว แต่คุณค่าความเป็นนักการเมืองคือความผูกพันกับประชาชน คุณยายเนียม พันธุ์มณี ชาวบ้าน อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี เป็นตัวอย่างที่ลืมไม่ได้ ผมไปอุบลฯอยู่ๆ แกก็ลุกขึ้นมายื่นแหวนให้ ความผูกพันอันนี้ผมอยากบอกกับคนทั้งประเทศว่าคนเป็นนักการเมืองประชาธิปไตยต้องคิดถึง
จากนั้นผู้ดำเนินรายการได้ถามถึงชีวิตของนายกฯคงจะได้รับอะไรมาเยอะ แต่หยิบแหวนมาพูดในวันที่สำคัญในชีวิต นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์มาหลายเดือน เมื่อเช้ามีโอกาสได้คุยกับ ยายเนียม กัน ผ่านโทรทัศน์ ได้ข่าวว่าไม่สบาย ท่านก็อยากให้ไปเยี่ยม เมื่อถามว่า จะเดินทางไปเยี่ยมยายเนียมวันไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้กำหนดวัน แต่เมื่อไรที่ไป จ.อุบลราชธานี อ.ม่วงสาบสิบ ต้องไปแน่นอน
เมื่อผู้ดำเนินรายการถามถึงการจัดทำ ครม.จะดูเองหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ดูเอง หลักง่ายๆ เราเป็นรัฐบาลผสม ให้ทางพรรคการเมืองต่างๆ เสนอรายชื่อมา ตนก็จะดูทั้งหมดภายในวันนี้ ถ้ามีประเด็นอะไรก็จะคุยให้เรียบร้อย ในส่วนของ ปชป.ก็จะชุมกรรมาการบริหารพรรคในช่วงเช้า และประชุม ส.ส.เพื่อขอความเห็นชอบ
ตอนหนึ่ง นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวถึงการใช้ภาษาไทย ว่า ตนให้ความสำคัญ เรื่องการออกเสียงควบกล้ำ ต้องยกความชอบให้กับโรงเรียนอนุบาลยุคลธร และโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ซึ่งเรียนถึงป.6 จริงๆ ตอนเด็กไม่ชอบวิชาภาษา แต่ไปอยู่เมืองนอกทำให้คิดถึงภาษาไทย จึงพยายามใช้ ตอนหลังก็มีปัญหาเรื่องการใช้ศัพท์เทคนิค คนไทยทุกคนน่าจะรักษาภาษาไทยไว้ เพราะภาษามันตายไปเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ไปอยู่ในโรงเรียนประจำที่อีสตัน ไม่เจอคนไทยเลย สิ่งที่ช่วยทำให้ไม่ลืมภาษาไทย เด็กๆ คือ การอ่านหนังสือภาษาไทย โตขึ้นคือการมีแฟนเป็นคนไทย ต้องเขียนจดหมายเป็นภาษาไทย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการประยุกต์ใช้ความรู้ที่ได้เรียนสมัยมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ว่า เราเรียนอะไรมา ความรู้ ข้อเท็จจริง มีเหตุมีผลรองรับ มีทฤษฎีใช้ได้เสมอ ตามสถานการณ์ นำมาประยุกต์ใช้เอา เรื่องอะไรที่เรียนมาไม่ว่าจะสิทธิ เสรีภาพ ประชาธิปไตย มันก็ใช้ได้ สอง สิ่งที่เราได้เล่าเรียน และเห็นว่าสิ่งที่ได้รับจากระบบการศึกษาที่นั่น และต้องการให้เกิดกับระบบการศึกษาที่นี่ คือ การฝึกให้เราคิด และใช้เหตุผล ซึ่งจะเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญ คือการสร้างทักษะในการคิด และวิเคราะห์สังเคราะห์ได้ ต้องทำให้เกิดในสังคมไทย
เมื่อถามว่า รมต.คนใหม่ จะควบเองหรือมีคนอื่น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ประชุมเช้านี้ ก็จะเรียบร้อยว่าเป็นอย่างไร แต่คนที่อยู่ตรงนั้น ผมมีความมั่นใจ ว่าได้ติดตามและซาบซึ้งแนวคิดในการปฏิรูปการศึกษา เมื่อถามว่าให้ความสำคัญนโยบายการศึกษาจากนายกฯมากหน่อย นายกฯกล่าวยอมรับว่า ใช่ครับ