ภารกิจสุดท้าย “การ์ดพันธมิตร” คุ้มกันเข้มรอบทำเนียบ ป้องกันผู้ไม่หวังดีฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ พร้อมย้ำปกป้องทำเนียบที่มามาจากเงินภาษีของ ปชช.ถึงที่สุด ตลอด 6 เดือน ผู้ชุมนุมร่วมกันรักษาสมบัติชาติเต็มที่ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบทรัพย์สินวันนี้ เผยนักรบ “ลังกะสุกะ” ขอลาออกจากการ์ดพันธมิตรฯ หลังทนไม่ไหว “สัตว์นรก” ลอบทำร้ายผู้ชุมนุมฝ่ายเดียว แต่ยืนยันพร้อมคุ้มกันผู้ชุมนุมอยู่รอบๆ “หางแดง” ลอบกัดเมื่อไหร่ พร้อมเอาคืนทันที
วันที่ 1 ธ.ค.2551 ถือเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่ง ที่การชุมนุมกว่า 6 เดือนของพันธมิตรฯ จะต้องบันทึกเอาไว้ว่า “เป็นวันสุดท้าย” ของการปฏิบัติหน้าที่ของการ์ดอาสาพันธมิตรฯ ในบริเวณทำเนียบรัฐบาล หลังจากที่ 5 แกนนำพันธมิตรฯ ได้มีมติที่จะลดจำนวนผู้ชุมนุมแบบปักหลักพักค้างในทำเนียบรัฐบาลลงเพื่อความปลอดภัย โดยให้ย้ายไปชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองแทน ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาลให้เหลือเฉพาะคนที่จะชุมุนมแบบไปเช้าเย็นกลับและไม่มีการเปิดเวทีช่วงกลางคืน
นายชนะ ผาสุกสกุล ผู้ประสานงานการ์ดอาสาพันธมิตรฯ กล่าวถึงการปฏิบัติหน้าที่ในคืนสุดท้ายนี้ว่า กองกำลังรักษาความปลอดภัยของกลุ่มพันธมิตรฯ ยังคงเป็นไปเฉกเช่นการชุมนุมในทุกวันที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะดูแลเข้มข้นมากกว่าวันที่ผ่านมาด้วยซ้ำ เพราะการ์ดอาสาในวันนี้ ถูกระดมพลเข้ามารักษาความปลอดภัยภายในทำเนียบรัฐบาล และบริเวณโดยรอบมากกว่าปกติ หลังจากที่มีการประกาศรับสมัครการ์ดอาสาเพิ่มก่อนหน้านี้ แต่ละคนยังคงปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดที่ตนได้รับมอบหมาย
ด้านผู้ชุมนุมที่เหลือในคืนนี้ ซึ่งยังคงนอนเฝ้าทรัพย์สินอยู่ก็จะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ส่วนในค่ำคืนนี้ ทางการ์ดอาสาจะเข้มงวดการเข้าออกภายในทำเนียบรัฐบาลเป็นพิเศษ บุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจะไม่ได้รับอนุญาตเข้าไปภายในได้ รวมถึงผู้ชุมนุมที่จะเข้าไปเอาสิ่งของส่วนตัวของตนเองภายในทำเนียบรัฐบาลทางการ์ดอาสา ก็ไม่อนุญาตให้นำสิ่งของใดๆ ออกไปจากทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่ช่วง 19.00 น.ของวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยจะอนุญาตให้สามารถขนของออกจากบริเวณดังกล่าวได้อีกครั้งในวันที่ 2 เวลา 09.00 น. ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันพวกมิจฉาชีพ ที่อาจแฝงตัวเข้ามาหยิบฉวยสิ่งของของผู้ชุมนุมคนอื่น และป้องกันผู้ไม่ประสงค์ดีที่อาจเข้ามาลอบวางระเบิด หรือสิ่งของผิดกฎหมาย
นายชนะ ให้เหตุผลที่ต้องมีการระดมพลการ์ดอาสามารักษาความปลอดภัยให้เข้างวดมากกว่าทุกวันว่า “เป็นเพราะเราต้องการรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุมที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งยังคงนอนเฝ้าข้าวของสัมภาระอยู่ นอกจากนี้เราก็ยังกังวลว่าการทำงานวันสุดท้ายของเราอาจจะเกิดเหตุมือที่ 3 หรือกลุ่ม นปช. ส่งคนเข้ามาปั่นป่วน สร้างสถานการณ์ หรือแม้แต่ทำลายข้าวของในทำเนียบรัฐบาลในคืนสุดท้ายอย่างนี้ เพื่อป้ายความผิดให้กับพันธมิตรฯ และสาเหตุที่เราต้องป้องกันให้ถึงที่สุด ก็เป็นเพราะทำเนียบรัฐบาล ถือเป็นสมบัติของชาติ เป็นสมบัติที่มาจากภาษีของประชาชนทุกคน เราจึงต้องรักษาให้ดีที่สุด”
นอกจากนี้ นายชนะยังมั่นใจว่าการชุมนุมภายในทำเนียบรัฐบาลกว่า 6 เดือนที่ผ่านมานั้น ผู้ชุมนุมทุกคน มีจิตสำนึกที่ดีในการรักษาสมบัติของชาติไม่ให้เสียหาย ทุกคนแยกออกระหว่างเรื่องการเรียกร้องทางการเมือง และสมบัติของชาติ ดังนั้น ในวันที่ 2 ธ.ค.ทางพันธมิตรฯ จึงได้มีการประสานงานไปยังหน่วยงานและองค์กรอิสระต่างๆ เอาไว้แล้วว่าจะให้เข้ามาตรวจทรัพย์สิน และสิ่งของภายในทำเนียบรัฐบาล เพื่อเป็นการยืนยันว่าตลอดการชุมนุมภายในทำเนียบรัฐบาลของพันธมิตรฯ นั้น เราชุมนุมด้วยความสันติ อหิงสา และรักษาทรัพย์สมบัติของชาติมาโดยตลอด
ด้าน นายกิตติชัย ใสสะอาด หัวหน้าการ์ดอาสาพันธมิตรฯ กล่าวว่า ตนและการ์ดอาสาพันธมิตรฯ จะยังคงปักหลักอยู่ภายในทำเนียบรัฐบาล เพื่อดูแลความเรียบร้อยในคืนสุดท้ายนี้ให้ดีที่สุด จนกว่าจะส่งมอบความรับผิดชอบในการดูแลพื้นที่ ให้กับหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลต่อในช่วงเช้าของวันที่ 2 พร้อมยืนยันว่าแม้หน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยในทำเนียบรัฐบาลจะหมดลงแล้ว แต่ตนและการ์ดอาสาส่วนใหญ่ยังคงมีอุดมการณ์เหมือนเดิมที่จะร่วมขับไล่รัฐบาล ดังนั้นการชุมนุมของพันธมิตรฯ บริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ผู้ชุมนุมทุกคนก็ยังสามารถอุ่นใจได้ว่าจะยังคงมีการ์ดอาสาพันธมิตรฯ คอยดูแลรักษาความปลอดภัยให้เช่นเคย
นายกิตติชัย กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยอมรับว่ามีการ์ดอาสาส่วนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มนักรบ “ลังกาสุกะ” ที่มาจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รวมตัวกันเพื่อลาออกจากการเป็นการ์ดอาสาแล้วเมื่อวันที่ 30 พ.ย. โดยให้เหตุผลว่าทนไม่ไหวกับการที่ต้องทนเห็นพี่น้องประชาชนผู้มาชุมนุมด้วยความสันติต้องได้รับบาดเจ็บโดยไม่สามารถตอบโต้กับรัฐบาลหรือผู้ออกคำสั่งได้ เพราะเป็นระเบียบของการ์ดอาสาพันธมิตรฯ
“คนพวกนั้นเขาบอกว่าเขาทนไม่ไหว วันก่อนเห็นป้าผู้หญิงแก่ๆ โดนระเบิดแล้วเขาทนไม่ได้ บอกโดนทุกวันๆ อย่างนี้มันไม่ไหว เขาก็เลยขอออกไปอยู่นอกการชุมนุม แต่เขาก็บอกนะว่ายังมีอุดมการณ์เหมือนเดิม ทนไม่ได้ที่จะให้อำนาจรัฐมารังแกประชาชน เขาก็เลยบอกว่าจะดูเหตุการณ์อยู่รอบๆ ที่ชุมนุมนี่แหละ แต่ถ้าคนบริสุทธิ์โดนรังแกอีกเมื่อไหร่เขาก็จะเอาคืนทันที”
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จำนวนของการ์ดอาสาจะลดลงไปบ้าง จากการที่คนกลุ่มนี้ลาออกไป แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคมากนัก เพราะตั้งแต่ย้ายสถานที่ชุมนุมไปสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง บนเวทีก็ได้มีการรับสมัครการ์ดอาสาเพิ่มอยู่ตลอด จนทำให้ตอนนี้กองกำลังของการ์ดอาสา ก็มีมากพอที่จะดูแลความปลอดภัยให้แก่ผู้ชุมนุมแล้ว จึงอยากขอให้ความมั่นใจกับผู้ชุมนุมไว้ตรงนี้ด้วย