“สมเกียรติ” สดุดีวีรชนคนกล้า “ยุทธพงษ์ เสมอภาค” ผู้เสียชีวิตคนที่ 4 เป็นการเสียสละขั้นสูงสุด ทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อรักษาธรรมะ สุดอนาถใจ “กองทัพไทย” มีหน้าที่แค่รับเงินเดือน-เคลียร์ระเบิดหลังประชาชนล้มตายไปแล้ว ปลุกกองทัพประชาชน เปี่ยมพลังศีลธรรม ลุกขึ้นปกป้องชาติบ้านเมืองแทน พร้อมอัญเชิญพระราชนิพนธ์ “ตามรอยพ่อ” จงอย่าละความกล้าเพื่อมนุษยชาติ แย้มแผนม้วนเดียวจบ...เต็มออกๆ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย
เมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 23 พ.ย. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยช่วงแรกได้กล่าวสดุดีวีรชนรายที่ 4 นายยุทธพงษ์ เสมอภาค (เหน่ง) การ์ดพันธมิตรฯ ที่ถูกระเบิดเอ็ม 79 ที่ยิงจาก บช.น.เมื่อเช้ามืดวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา ถือเป็นการเสียสละขั้นสูงสุด เพื่อรักษาธรรมะ ซึ่งถือเป็นธรรมขั้นสูงสุดตามหลักพุทธศาสนา และยังเสียสละร่างกายให้เป็นอาจารย์ใหญ่ของนักศึกษาแพทย์ เป็นน้ำใจที่ยิ่งใหญ่ โดยตนเองขอปฏิญาณในการสานต่อเจตนารมณ์วีรชนคนกล้า เพื่อทวงถามความยุติธรรมและเอาชนะความชั่วร้ายของรัฐบาล
นายสมเกียรติ กล่าวถึงการนัดชุมนุมที่มีจำนวนมากในวันนี้ เป็นกองทัพประชาชนที่ออกมาปกป้องชาติบ้านเมือง ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ไม่มีใครที่มียศตำแหน่ง หรือรับเงินเดือน ไม่มีเครื่องแบบ ไม่มีรถประจำตำแหน่ง เหมือนกับคนในกองทัพไทย แต่มีน้ำใจอันเปี่ยมล้น แม้แต่ในหลวงและพระราชินีก็ยังทรงบริจาค อยากทราบว่า กอทัพมีความอายบ้างหรือไม่
นายสมเกียรติ ระบุว่า กองทัพประชาชน เป็นพลังทางศีลธรรมที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดในยุคนี้ หากเปรียบเทียบกับกองทัพไทย ซึ่งมีหน้าที่แค่ลาดตระเวน และเคลียร์ลูกระเบิดหลังประชาชนเกิดภัยพิบัติแล้ว หลังพิสูจน์หลักฐานแถลงแล้วก็จบ พอประชาชนส่งข้าวส่งน้ำก็ขอบคุณแล้วเอากลับเข้าไปกินในค่าย เพราะหน้าที่ของกองทัพไทยในตอนนี้มีเพียง 2 อย่าง คือ รับเงินเดือน และทำตามรัฐธรรมนูญบางข้อ แล้วก็เก็บเห็ดตามชายแดนบ้าง
นายสมเกียรติ ยังกล่าวถึงการต่อสู้ของพลังศีลธรรมต่ออำนาจชั่วร้าย ในวันที่ 24 พ.ย.หากเกิดการพ่ายแพ้แล้ว พวกเราอาจต้องเปลี่ยนไปนับถือศาสนาชินโจร ที่มีศาสดา เป็นพระชินมุนีมหาโจร ปางเลียสนามบิน
นายสมเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 24 พ.ย. ตนเองได้รับมอบหมายให้คุมกองทัพไปยังสถานที่แห่งหนึ่งในจำนวน 9 แห่ง แถวสวนลุมพินี โดยให้ความเชื่อมั่นความปลอดภัยมากที่สุด เป็นการทำงานแบบม้วนเดียวจบ และเต็มออกๆ
นายสมเกียรติ ยังได้อัญเชิญพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เรื่องเดินตามรอยพ่อ โดยกล่าวว่า “ฉันเดินตามรอยพ่อที่ก้าวเท้าอย่ารวดเร็วเข้าไปในป่าใหญ่ ฉันเหนื่อย ฉันกลัวงู ฉันหิว ฉันร้องพ่อจ๋า หนูเจ็บเท้า พ่อบอกว่า เราใกล้ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว เลือดที่เท้าของลูกเปรียบเหมือนทับทิมบนยอดหญ้า ไม่มีอะไรสวยงามสำหรับเจ้า จงอย่าละความกล้าเพื่อมนุษยชาติ เมื่อประชาชนมีทุกข์ จงยึดอุดมการณ์ที่มีคุณค่า ไปเถิด ไปเถิด จงเดินตามรอยพ่อ”