“พันธมิตร” ประกาศชักธงรบตอบโต้รัฐบาลใช้อำนาจมือเข่นฆ่าประชาชน จากเหตุการณ์บึ้มกลางเวทีพันธมิตร เชื่อตำรวจมีส่วนร่วมปล่อยให้อาวุธสงครามเพ่นพ่านกลางเมืองหลวง นัดระดมพลใหญ่ครั้งสุดท้าย 23 พ.ย.เวลา 14.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล เผด็จศึกรัฐบาลฆาตกร
วันนี้ (20 พ.ย.) ที่บ้านพระอาทิตย์ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนประชาธิปไตย อ่านแถลงการณ์ตอบโต้หลังเกิดเหตุการณ์กลุ่มคนร้ายใช้อาวุธสงครามชนิดเครื่องยิงลูกระเบิดชนิด เอ็ม 79 ยิงเข้าใส่ทำเนียบรัฐบาล และตกลงบนหลังคาเต็นท์ ส่งผลให้มีการเสียชีวิต 1 ราย สาหัส 2 ราย และบาดเจ็บอีก 18 คน ดังนั้น พันธมิตรฯ ขอแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ และขอประกาศอย่างเป็นทางการ เพื่อยกย่องให้ผู้เสียชีวิตเป็นวีรชนของพันธมิตรฯ
ในแถลงการณ์ยังระบุว่า การใช้อาวุธสงครามเข่นฆ่าประชาชน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสตรีและเยาวชนได้เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยฝีมือของเจ้าหน้าที่ของรัฐและใช้อันธพาลเป็นเครื่องมือ และขอประณามคนในฝ่ายรัฐบาลต่อการกระทำในครั้งนี้ หลังเกิดเหตุซ้ำแล้วซ้ำเล่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตร ได้ส่งหนังสือถึง ผบ.ทบ. ผบ.ตร. ผบช.น.ให้ช่วยกันหยุดยั้งอาวุธสงคราม แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ แสดงให้เห็นว่าไม่มีการป้องกันที่ดีพอ ฆาตกรเหล่านี้ต้องมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกราชการรู้เห็นเป็นใจ เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถนำระเบิดเข้ามาทำร้ายผู้ชุมนุมกลางเมืองหลวงเช่นนี้ได้
ทั้งนี้ พันธมิตรฯ ได้จัดชุมนุมอย่างสันติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพื่อตรวจจสอบและขับไล่รัฐบาลรวมทั้งคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่รัฐบาลกลับใช้อำนาจมืดทำร้ายประชาชน จากสถานการณ์ดังกล่าวพันธมิตรฯ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า 180 วันแล้วพันธมิตรฯ จะไม่สามารถชุมนุมในที่ตั้งได้อีกต่อไป พันธมิตรฯ ไม่อาจอดทนต่อพฤตกรรมที่จ้องเข่นฆ่าประชาชนและไม่อดทนต่อระบบสภาทาสได้อีกต่อไป จึงขอประกาศให้มีการระดมมวลชนครั้งใหญ่ที่สุดเพื่อเป็นประวัติศาสตร์ในวันอาทิตย์ที่ 23 พ.ย.นี้เวลา 14.00 น. เพื่อกดดันและเคลื่อนไหวต่อสู้ทุกรูปแบบและทุกวิถีทางเพื่อเผด็จศึกรัฐบาลฆาตกร จึงขอเรียกร้องให้ประชาชนออกมาเพื่อมาใช้สิทธทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ
