แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว.เรียกร้องพลังเงียบลุกขึ้นสู้เกมการเมืองที่หวังผลประโยชน์ของบุคคลบางกลุ่มโดยหลอกใช้ความขัดแย้งของประชาชนเป็นเกราะกำบัง ชี้ “แม้ว-อ้อ” มีสิทธิตามกฎหมายต่อสู้คดีตามกระบวนการ
วันนี้ (18 พ.ย.) น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม.แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว.กล่าวถึงกรณีที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อต่อสู้ทางคดี ว่า คิดว่าเป็นไปตามกฎหมาย ทางกลุ่ม ส.ว.ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเขามีสิทธิจะเข้ามาต่อสู้คดี เมื่อถามว่ามีการวิเคราะห์ว่าหากคุณหญิงพจมานกลับมาไทย จะทำให้การเมืองรุนแรงขึ้น น.ส.รสนา กล่าวว่า เป็นเรื่องที่หน่วยงานราชการที่รับผิดชอบจะต้องดูแลความปลอดภัยตรงนี้ แต่ทุกคนมีสิทธิที่จะเข้ามาได้ ส่วนประเด็นทางกฎหมายก็ต้องสู้คดีกันไป ไม่คิดว่าจะเกิดความรุนแรงขึ้นมา เมื่อถามถึงความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไปเปิดมูลนิธิในต่างประเทศ มีการมองว่าเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อจะรบขั้นแตกหัก น.ส.รสนา กล่าวว่า ไม่อยากให้สังคมไทยเป็นอย่างนั้น ขณะนี้สังคมไทยแตกแยกมาก เป็นสีเหลืองสีแดง ตนเป็นคนธรรมศาสตร์เลือดเหลือง-แดง เหลืองคือธรรมประจำจิต แดงคือโลหิตอุทิศให้ ขออุทิศให้ประเทศชาติส่วนรวมทั้งหมด ไม่ใช่อุทิศให้กับพรรคการเมืองใดพรรคหนึ่ง
น.ส.รสนา กล่าวต่อว่า ทั้งเหลืองและแดงเป็นประชาชนคนไทย มือตบตีนตบมีความสำคัญกับชีวิต แต่ต้องควบคุมด้วยหัวใจและสมอง อย่าปล่อยให้มือและตีนถูกดึงไปเพื่อทำลายล้างกัน ไม่อยากเห็นคนไทยด้วยกันทำลายกัน เราต้องการทั้งมือและตีน ไม่ใช่มืออย่างเดียวหรือตีนอย่างเดียว และไม่อยากเห็นอดีตผู้นำคนใดทำให้คนไทยต้องมาฆ่าฟันกัน คิดว่าคนที่อยู่กลางๆ พวกพลังเงียบในสังคมกำลังทุกข์ใจกับสภาพสังคมขณะนี้ จึงคิดว่าเสียงเงียบทั้งหลายต้องลุกขึ้นมาพูดไม่ให้สังคมไทยก้าวไปสู่ความรุนแรง ในฐานะของ ส.ว.เราจะพยายามทำอย่างเต็มที่เช่นกัน ความขัดแย้งทางการเมือง เป็นเรื่องของคนส่วนน้อยที่แสวงหาผลประโยชน์บนความขัดแย้งของประชาชน ซึ่งก็มีเพียงแค่นักการเมืองบางส่วนเท่านั้น แต่ถ้าเสียงเงียบ ส่วนใหญ่ยังเงียบอยู่ความรุนแรงจะเกิดขึ้น เราไม่ควรปล่อยให้สังคมกลายเป็นเครื่องมือหรือตัวประกันที่ทำให้เกิดความรุนแรง