“ขัตติยะ” โวยลั่น “อนุพงษ์” ดับซ่า หลังบี้ตั้งกรรมการสอบทางอาญา หลังปากดีข่มขู่ “พันธมิตรฯ” พาดพิง “ผู้นำกองทัพ” ขู่ซ้ำจัดการ “พันธมิตรฯ” หลังงานพระศพพระพี่นางฯ ด้าน “โฆษกกองทัพ” อ้าง “ทหาร” เป็นกลาง ทำได้เพียงป้องกันเหตุความรุนแรงระหว่างผู้ที่มีความเห็นต่างกัน
วานนี้ (12 พ.ย.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ได้มีสั่งการให้ดำเนินการสอบสวนทางวินัย และสอบสวนทางคดีอาญาทหารกับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกว่า การที่ พล.ต.ขัตติยะ ให้สัมภาษณ์สร้างผลกระทบกับผู้ฟัง ทำให้สังคมเกิดความตกใจ และวิตกกังวล เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ รวมทั้งกองทัพบกได้รับผลกระทบในเรื่องภาพลักษณ์ ซึ่งในวันศุกร์ที่ 14 พ.ย.นี้ จะมีการสอบสวนทางวินัยเป็นครั้งแรก โดยจะเชิญ พล.ต.ขัตติยะ มาสอบสวน หลังจากที่ได้มีการว่ากล่าวตักเตือนไปแล้ว ส่วนคดีอาญาเป็นหน้าที่ขั้นต้นของฝ่ายกำลังพลที่ต้องตั้งเรื่องขออนุมัติในการจัดตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยส่วนใหญ่หน้าที่ในการสอบสวนคงเป็นหน้าที่ของกรมสารวัตรทหารบก
เมื่อถามว่า การที่กองทัพจัดการสอบ พล.ต.ขัตติยะ เพราะตอบสนองของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า จุดยืนของกองทัพ ต้องเรียนว่าเราไม่ได้ตอบสนองตามการเรียกร้องของพันธมิตรฯ แต่เราเป็นกองทัพของประชาชน ดังนั้นสิ่งต่างๆ ที่เราทำไปก็เพื่อความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของสังคมส่วนรวม และเรายังตอบสนองต่อการร้องขอของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กทม. ในการรักษาความปลอดภัย
“ไม่ใช่ว่า ผบ.ทบ.จะนิ่งเฉยอย่างเดียว แต่ความจริงกองทัพดำเนินการมาโดยตลอด ต้องเข้าใจว่าปัญหาการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง หลายคนไม่ยอมรับว่า วิธีการทางทหารทำแล้วสามารถแก้ไขปัญหาทางการเมืองได้อย่างแท้จริง สังคมวันนี้ ไม่ได้ต้องการให้ใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา เมื่อเป็นเช่นนั้น ทหารทำได้ดีที่สุดคือการประคับประคองไม่ให้เกิดความรุนแรงระหว่างผู้มีความคิดเห็นแตกต่างกัน” พ.อ.สรรเสริญ กล่าว
เมื่อถามว่า สังคมต้องเชื่อมั่นในความนิ่งที่ ผบ.ทบ.และผู้นำเหล่าทัพ ใช่หรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ไม่ใช่นิ่ง ผบ.ทบ.ก็พยายามทำทุกอย่าง ส่วน ผบ.ทบ.น่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ในการแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองใช่หรือไม่นั้น คิดว่ากรณีของพันธมิตรฯ ผบ.ทบ.คงไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ เนื่องจากแต่ละฝ่ายก็จะมีจุดยืน และมีเงื่อนไขของตัวเอง ดังนั้นสิ่งที่ ผบ.ทบ.ตอบรับในขณะนี้คือ การสานเสวนา ซึ่งเห็นชอบที่จะให้แต่ละฝ่ายหันหน้ามาคุยกันอย่างเปิดอก และลดเงื่อนไข เพื่อให้บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติ
เมื่อถามถึงสาเหตุการตั้งคณะกรรมการสอบสวน พล.ต.ขัตติยะ เนื่องจากมีการพาดพิง ผบ.ทบ.ใช่หรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เป็นส่วนหนึ่ง เพราะทางทหารเราให้ความสำคัญกับเรื่องผู้บังคับบัญชา และเชื่อฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชา ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องมีการปฏิบัติเพื่อให้ถูกต้องตามครรลองคลองธรรม ส่วนสาเหตุที่ไม่มีทหารคนใดออกมาปกป้อง พล.อ.อนุพงษ์ ซึ่งถูกพันธมิตรฯ กล่าวโจมตีนั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ทหารมีวินัย ไม่ได้หมายความเรารู้สึกอย่างไร หากเราจะพูดได้ กองทัพต้องได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ชี้แจงในเรื่องต่างๆ โดยต้องให้ข้อมูล และให้ข้อสังเกตไปด้วย แต่ถ้าไม่ได้ทำอย่างนั้น ก็ไม่ใช่กองทัพ แต่ตนคิดว่า ผบ.ทบ. ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว
รายงานข่าวแจ้งการหารือของกรมกำลัง และนายทหารพระธรรมนูญ ระบุว่า คำสัมภาษณ์ของ พล.ต.ขัตติยะ อาจเข้าข่ายการกระทำผิด ตามมาตรา 41 ของประมวลกฎหมายอาญาทหาร ซึ่งระบุว่า ผู้ใดเป็นทหาร และบังอาจแสดงความอาฆาตมาดร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะทำร้ายก็ดี หรือกระทำการอย่างใดๆ ก็ดี มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินกว่า 3 ปี
ด้าน พล.ต.ขัตติยะ ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เปิดเผยว่า รู้สึกแปลกใจต่อกรณีที่ พล.อ.อนุพงษ์ ได้ดำเนินการสั่งตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนด้านอาญาทหาร ทั้งๆ ที่มีการตั้งคณะกรรมการสอบทางด้านวินัยแล้ว อยากถามว่าตนผิดอะไร ไม่เคยหมิ่น หรืออาฆาตมาดร้ายผู้บังคับบัญชา ตรงกันข้ามได้ปกป้อง และเชื่อฟังคำสั่งมาตลอด เมื่อท่านได้สั่งให้หยุดการฝึกนักรบพระเจ้าตาก ตนก็หยุดการฝึกทันที
“ผบ.ทบ.เป็นคนที่ไม่ค่อยมีเวลาอ่านหนังสือพิมพ์ คงเชื่อพวกประจบสอพลอรอบข้างที่พยายามใส่ร้ายผม แล้วถ้าต่อไปผลการสอบสวนออกมาว่าผมไม่ผิด แล้วผมเป็นคนที่ช่วยเหลือชาติ ผมจะตามไปตบปากคนพวกนี้ เพราะเลี้ยงพวกนี้เลี้ยงหมาดีกว่า” พล.ต.ขัตติยะ กล่าว
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวอีกว่า หลังจากงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพพระพี่นางฯ กลุ่มที่จองกฐินกับพันธมิตรฯ ไว้จะจัดการขั้นเด็ดขาด เชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงเป็นอย่างมาก ดังนั้นตนจึงขอเตือนอีกครั้ง ขอให้พี่น้องประชาชนรีบถอนตัวออกจากทำเนียบฯ โดยเร็วที่สุด เพราะตนก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง ทั้งนี้ ตนเพียงนำข่าวที่รู้มาแจ้งเตือนให้รับทราบเท่านั้น