ปธ.วิปฝ่ายค้าน เย้ยภาพลักษณ์รัฐบาลสมชายติดลบเพราะคำสั่งเข่นฆ่า ปชช. 7 ตุลาทมิฬและรับใบสั่ง โดยมีเป้าหมายใหญ่เพื่อเดินหน้าแก้ไข รธน.ออก กม.นิรโทษกรรมฟอกผิดให้พี่เมียเท่านั้น
วันนี้ (10 พ.ย.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงภาพรวมการทำงานของรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาว่า ความจริงรัฐบาลสมชายเป็นรัฐบาลที่มาด้วยความบังเอิญ เพราะนายสมัคร สุนทรเวช อดีตหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หมายมั่นปั้นมือไว้ว่าจะให้เป็นคนที่สืบทอดอำนาจทางการเมืองก็มีอันต้องเป็นไปเพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ตนเข้าใจว่าที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เลือกนายสมชายเพราะเป็นคนใกล้ชิดมากที่สุด อย่างเดียวที่มีดีในตัวนายสมชาย คือ ดูเหมือนจะเป็นคนประนีประนอม ไม่พูดจากระโชกโฮกฮาก ไม่สร้างศัตรูเหมือนที่นายสมัครทำ แต่ภาพลักษณ์ของนายสมชายในเชิงประนีประนอมก็หมดไปโดยเร็ว เพราะฉะนั้นถ้าจะให้ประเมินนายสมชาย วันนี้ผ่านมา 1 เดือน ตนให้คะแนนติดลบ
ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า สาเหตุที่ให้ติดลบ คือ 1.วันที่ 7 ต.ค.ซึ่งเป็นวันที่นายสมชายแถลงนโยบายต่อรัฐสภานั้น นายสมชายได้สั่งการให้มีการใช้กำลังตำรวจสลายกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณหน้ารัฐสภา มีการใช้ความรุนแรงเป็นเหตุให้มีทั้งผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต เหตุการณ์นี้ทำให้ภาพลักษณ์รัฐบาล ความเชื่อมั่นและอุณหภูมิของวิกฤตการเมืองติดลบไปทันที 2.ท่าทีของนายสมชายไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีความเป็นผู้นำและไม่สามารถกุมกลไกในพรรคพลังประชาชนได้ และ 3.การแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน รัฐบาลไม่มีทั้งมาตรการและความพร้อมที่จะเข้าไปแก้ปัญหา
“นอกจากนี้ พรรคเห็นเจตนาของรัฐบาลว่ามีเป้าหมายใหญ่ คือ ต้องช่วยเจ้าของพรรคตัวจริง คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้น ภารกิจเรื่องนี้มีการสืบทอดจากคุณสมัครมาจนถึงคุณสมชาย ผมจึงไม่แปลกใจว่าทำไมคุณสมชายถึงดำรงอำนาจในรัฐบาลเอาไว้ต่อไป และมีความพยายามเข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม แต่สิ่งที่คุณสมชายเข้าไปก้าวก่ายไม่ได้ คือ กระบวนการตุลาการและองค์กรอิสระ เพราะฉะนั้นถึงมีเป้าหมายคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะทำให้สามารถไปลดทอนองค์กรอิสระได้ รวมถึงถ้าแก้รัฐธรรมนูญได้ ก็แก้บทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการรองรับอำนาจของ คณะกรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่สำคัญคือ เริ่มมีปฏิกิริยาให้เห็นว่าจะออกกฎหมายนิรโทษกรรม ให้อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน ซึ่งผมมองว่าเป็นมากกว่าโยนหินถามทาง เพราะเป็นความตั้งใจที่จะทำ และกิจกรรมก็ถูกโหมจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายสาทิตย์ กล่าว