ผอ.ข่าวไทยพีบีเอส บุกดอนเมือง ยื่นหนังสือ จี้นายกฯคุ้มครองเสรีภาพสื่อมวลชน หลังถูกม็อบเสื้อแดงปิดล้อมศูนย์ข่าว ที่เชียงใหม่ เมื่อวานนี้ “ณัฐวุฒิ” ออกหน้ารับหนังสือเอง ยันทุกคนมีสิทธิเสรีภาพตามกรอบของ กม.เตือนสื่อ จะต้องตระหนักในความรับผิดชอบ จากการกระทำของตัวเอง แต่แสร้งตีหน้าเซ่อลืมรายการความเท็จวันนี้ของตัวเอง!
วันนี้ (4 พ.ย.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการแถลงผลการประชุม ครม.ถึงกรณีกลุ่ม นปช.ปิดล้อมสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ที่เชียงใหม่ ว่า ตนอยากให้เคารพซึ่งกันและกัน สื่อต้องเคารพในคำว่าประชาชนและประชาชนก็ต้องเคารพในคำว่าสื่อมวลชนเช่นกัน เพราะเมื่อมีการล้ำเส้นกันจะมีปฏิกิริยาอย่างที่เห็น อย่างไรก็ตาม ตนดีใจที่ไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงบานปลาย หรือมีการกระทบกระทั่งหรือทำร้ายกัน เมื่อจบลงแล้วก็ถือเป็นบทเรียนร่วมกัน
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า วันนั้นผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสโทรศัพท์มาถามตนถึงการชุมนุม ถามถึงการจ่ายเงินจ่ายทอง หรือจ้างคนมาชุมนุม ซึ่งตนยืนยันว่า ไม่มี เขาก็นำคำสัมภาษณ์ของตนไปออก แต่เมื่อออกอากาศหลังจากบทสัมภาษณ์ของตนได้มีการรายงานว่าโดยอ้างรายงานข่าวจากนักการเมืองท้องถิ่นในจังหวัดเชียงใหม่คนหนึ่งว่ามีการรับเงินมาหัวละ 2,500 บาท
“ดังนั้น จึงเป็นบทเรียนของสื่อมวลชนเหมือนกันว่าภายใต้สถานการณ์การเมืองที่ละเอียดอ่อนอย่างนี้ การรายงานข่าวโดยอ้างอิงถึงตัวผมที่เป็นแหล่งข่าวชัดเจนผมก็บอกว่าไม่มีการจ้าง แต่ไปรายงานว่ามีการจ้างหัวละ 2,500 บาท โดยอ้างอิงแหล่งข่าวคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นน้ำหนักความชัดเจนของแหล่งข่าวก็มีความแตกต่างกัน แล้วน้ำหนักของแหล่งข่าวดันไปสร้างผลกระทบกับความรู้สึกว่ากระทบกับข้อเท็จจริงของประชาชนที่ชุมนุมจึงเกิดเหตุ ดังนั้น จึงให้ระมัดระวังทั้งสองฝ่ายในสถานการณ์การเมืองแบบนี้” นายณัฐวุฒิ กล่าว
จากนั้นเวลา 16.15 น.นายเถกิง สมทรัพย์ ผอ.ข่าวไทยพีบีเอส นำพิธีกรและผู้ประกาศจากสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส มายังทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว (ดอนเมือง) เพื่อยื่นหนังสือขอการคุ้มครองเสรีภาพของสื่อมวลชนให้กับ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จากกรณีที่กลุ่มคนรักเชียงใหม่ 2551 ได้แสดงความไม่ใจการนำเสนอข่าวของไทยพีบีเอสด้วยการปิดล้อมศูนย์ข่าวที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งนายสมชาย ได้มอบหมายให้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นผู้รับหนังสือแทน
ซึ่งหนังสือระบุว่า การปิดล้อมทีพีบีเอสที่เชียงใหม่เป็นการคุกคามเสรีภาพในการทำหน้าที่ของสื่อที่รับรองโดยรัฐธรรมนูญอย่างรุนแรง แม้ว่าผู้อำนวยการของไทยพีบีเอสได้แสดงความเสียใจต่อชาวเชียงใหม่แล้ว แต่กลุ่มผู้ชุมนุมยังแสดงความไม่พอใจ และขู่ว่าจะเดินทางมาชุมนุมอีกครั้งภายใน 2 วัน ดังนั้น ไทยพีบีเอสจึงขอให้นายกรัฐมนตรีสั่งการไปยังผู้เกี่ยวข้องให้กำกับดูแลสถานการณ์ให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย เพื่อรับรองความปลอดภัยของพนักงานไทยพีบีเอส และไม่ให้เสรีภาพในการทำหน้าที่สื่อถูกคุกคามด้วยวิธีการที่ผิดกฎหมาย
นายณัฐวุฒิ กล่าวภายหลังรับหนังสือ ว่า ทราบว่า ไทยพีบีเอสได้ขอโทษ ถือเป็นท่าทีที่ดีของความรับผิดชอบของสื่อที่อาจผิดพลาดหรือไม่ถูกใจคนที่รับชม จากนี้ตนเชื่อว่าทุกฝ่ายคงหาข้อยุติร่วมกันด้วยดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า คนเสื้อแดงค่อนข้างเชื่อมั่นในตัวคุณ คุณจะส่งสัญญาณอะไรไปหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพตามกรอบของกฎหมาย ฉะนั้น ไม่ว่าประชาชนหรือสื่อจะต้องตระหนักในความรับผิดชอบต่อคำว่าสิทธิเสรีภาพจากการกระทำของตัวเอง ส่วนประชาชนที่เคลื่อนไหวต้องมีความรับผิดชอบว่าจะต้องไม่ทำผิดกฎหมาย
