เด็กมัชฌิมาธิปไตย ค้านเร่งตั้ง ส.ส.ร.3 แก้ไข รธน.ตามมติวิปรัฐบาล เชื่อเพิ่มดีกรีความขัดแย้งกลุ่มชนชั้นกลางสูงขึ้น อ้าง ส.ส.พรรคร่วมบางส่วนเสียงแตก
วันนี้ (3 พ.ย.) นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคมัชฌิมาธิปไตย ในฐานะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการตั้ง ส.ส.ร.3 เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ในวันนี้ตนไม่เข้าร่วมประชุมวิปเพราะติดภารกิจในต่างจังหวัด แต่เคยแสดงความเห็นค้านในเรื่องนี้ไว้แล้ว เพราะจากการได้หารือกับบรรดาเพื่อน ส.ส.ต่างพรรคทั้งในส่วนพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้านส่วนใหญ่ ต่างมีความเห็นไปในแนวเดียวกันว่ารัฐบาลควรชะลอการตั้ง ส.ส.ร.3 ขึ้นมาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 อย่างที่ตั้งใจไว้ เนื่องจากยังมีปัญหาเกี่ยวคุณสมบัติของผู้ที่จะสมัครเป็น ส.ส.ร.ที่สังคมยังมีความเคลือบแคลงสงสัยในที่มาที่ไปของส.ส.ร.ว่าปลอดจากภาคการเมืองจริงหรือไม่และที่สำคัญจะยิ่งขยายความขัดแย้งกับกลุ่มพันธมิตรฯและชนชั้นกลางที่ส่วนใหญ่คัดค้านในเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ
นอกจากนี้ หากยังดันทุรังตั้งขึ้น ส.ส.ร.3 มาแก้รัฐธรรมนูญแล้ว สุดท้ายเมื่อเอาเรื่องนี้เข้าพิจารณาในสภาฯ ตนเกรงว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมครั้งนี้ เพราะเป็นที่รู้แล้วว่า พรรคฝ่ายค้านไม่โหวตให้ผ่านแน่ ขณะที่ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลเองบางส่วนเสียงก็ยังแตก เกรงว่าจะมี ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลไม่โหวตสนับสนุนในเรื่องนี้ สู้เอาเวลาของรัฐบาลที่เหลือมาเร่งแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังส่งผลกระทบต่อสังคมไทยดีกว่า เรื่องนี้มีเพื่อน ส.ส.ส่วนใหญ่เห็นพ้องกับความคิดนี้ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่กล้าที่จะพูด สำหรับตนเมื่อกล้าพุดแล้วก็ขอรับผิดชอบในสิ่งที่พูดไปว่า หากยังคงมีมติเดินหน้าในเรื่องนี้ คาดว่าในอนาคตอันใกล้จะมีปัญหาเกี่ยวกับการผลักดันให้แก้ไขรัฐธรรมนูญนี้แน่นอน
วันนี้ (3 พ.ย.) นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคมัชฌิมาธิปไตย ในฐานะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการตั้ง ส.ส.ร.3 เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ในวันนี้ตนไม่เข้าร่วมประชุมวิปเพราะติดภารกิจในต่างจังหวัด แต่เคยแสดงความเห็นค้านในเรื่องนี้ไว้แล้ว เพราะจากการได้หารือกับบรรดาเพื่อน ส.ส.ต่างพรรคทั้งในส่วนพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้านส่วนใหญ่ ต่างมีความเห็นไปในแนวเดียวกันว่ารัฐบาลควรชะลอการตั้ง ส.ส.ร.3 ขึ้นมาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 อย่างที่ตั้งใจไว้ เนื่องจากยังมีปัญหาเกี่ยวคุณสมบัติของผู้ที่จะสมัครเป็น ส.ส.ร.ที่สังคมยังมีความเคลือบแคลงสงสัยในที่มาที่ไปของส.ส.ร.ว่าปลอดจากภาคการเมืองจริงหรือไม่และที่สำคัญจะยิ่งขยายความขัดแย้งกับกลุ่มพันธมิตรฯและชนชั้นกลางที่ส่วนใหญ่คัดค้านในเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ
นอกจากนี้ หากยังดันทุรังตั้งขึ้น ส.ส.ร.3 มาแก้รัฐธรรมนูญแล้ว สุดท้ายเมื่อเอาเรื่องนี้เข้าพิจารณาในสภาฯ ตนเกรงว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมครั้งนี้ เพราะเป็นที่รู้แล้วว่า พรรคฝ่ายค้านไม่โหวตให้ผ่านแน่ ขณะที่ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลเองบางส่วนเสียงก็ยังแตก เกรงว่าจะมี ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลไม่โหวตสนับสนุนในเรื่องนี้ สู้เอาเวลาของรัฐบาลที่เหลือมาเร่งแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังส่งผลกระทบต่อสังคมไทยดีกว่า เรื่องนี้มีเพื่อน ส.ส.ส่วนใหญ่เห็นพ้องกับความคิดนี้ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่กล้าที่จะพูด สำหรับตนเมื่อกล้าพุดแล้วก็ขอรับผิดชอบในสิ่งที่พูดไปว่า หากยังคงมีมติเดินหน้าในเรื่องนี้ คาดว่าในอนาคตอันใกล้จะมีปัญหาเกี่ยวกับการผลักดันให้แก้ไขรัฐธรรมนูญนี้แน่นอน