xs
xsm
sm
md
lg

“ไชยยศ” สติแตกทวงเก้าอี้ มท.3 ลั่น “ประสงค์” หมดวาสนาแล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ไชยยศ” ยัน “ประสงค์” หลุดจากเก้าอี้แล้ว อย่าบิดเบือนประเด็น ท้าให้ฟ้องหากไม่พอใจ แค่ทวงสิทธิ์ที่ต้องได้เก้าอี้ มท.3

วันนี้ (30 ต.ค.) นายไชยยศ จิรเมธากร โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึงปัญหาการแย่งชิงเก้าอี้ มท.3 ว่า ขั้นตอนที่ตนรับผิดชอบจบแล้วคือ ได้พูดคุยกับนายประสงค์ โฆษิตานนท์ รมช.มหาดไทย (มท.3) ยืนยันกับตนให้ยื่นใบลาออกให้หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินส่งถึงนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี โดยผ่านนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.การต่างประเทศ สิ่งที่ตนทำเพราะทำตามคำสัญญา และนายประสงค์ก็บอกให้ไปยื่นใบลาออกได้เลย ซึ่งตนก็ทำตามคำพูดและสิ่งที่นายประสงค์บอก ไม่ได้เป็นอย่างอื่น ตนต้องเรียกร้องความเป็นธรรม เพราะมีคนไปกล่าวหาว่าตนพยายามไปแย่งชิงเก้าอี้ มท.3 ทั้งที่จริงกระบวนการที่ทำเป็นไปตามขั้นตอนที่ตนกับนายประสงค์ได้เคยตกลงกันไว้ด้วยความถูกต้องทุกอย่าง ดังนั้น ตนไม่ได้ไปแย่งชิงอะไร แต่มันเป็นสิ่งที่เป็นสิทธิ์ของตนมาตั้งแต่ต้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ออกมาระบุว่าใบลาออกมีผลแล้ว นายไชยยศ กล่าวว่า จดหมายเป็นการแสดงเจตนารมณ์ ซึ่งมีด้วยกันหลายวิธี มีข้อตกลงก็ถือเป็นการแสดงเจตนารมณ์ การที่นายประสงค์เขียนจดหมายด้วยลายมือของตัวเอง โดยระบุเดือนตุลาคมไว้ก็เป็นการแสดงเจตนารมณ์ว่าจะลาออกภายในเดือนตุลาคม และบอกให้ตนนำไปยื่นได้ก็เป็นการแสดงเจตนารมณ์ ดังนั้น เมื่อตนไปยื่นให้กับหัวหน้าพรรคก็มีผู้ใหญ่หลายคนทราบเรื่องมาตั้งแต่ต้น หัวหน้าพรรคก็ทำหนังสือถึงนายกฯ ส่วนกระบวนการทางกฎหมายจะจบตรงไหนตนไม่กล้าชี้ขาด แต่โดยหลักการแล้วเมื่อมีหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร หนังสือเขียนว่ากราบเรียนนายกฯ ผ่านหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เมื่อหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินลงนามก็น่าจะเป็นข้อยุติ

เมื่อถามว่า มีบางฝ่ายอ้างว่ามีการลงชื่อไว้อย่างเดียวต้องมีการตีความกันอีก คิดว่าจะคุยกันได้หรือไม่ นายไชยยศ กล่าวว่า ลายมือระบุเด่นชัดอยู่ ถ้าคิดว่าตนผิดก็แจ้งความดำเนินคดีได้ แต่เรื่องนี้หากนายประสงค์ไม่ได้บอกให้ตนไปยื่น ทำไมหนังสือที่นายประสงค์ยืนยันจะไม่ลาออกถึงได้ปรากฏออกมาตั้งแต่ตอนเช้าก่อนที่ตนจะยื่นด้วยซ้ำ นายสุวิทย์ก็ออกมาชี้ขาดแล้วว่ากระบวนการเป็นรัฐมนตรีของนายประสงค์สิ้นสุดแล้วตั้งแต่ได้ลงนามในหนังสือ ถ้าตามกฎหมายนายประสงค์ก็ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว แต่ส่วนตัวยังไม่กล้าฟันธง

เมื่อถามว่านายกฯ อ้างว่ายังไม่ได้รับหนังสือลาออก นายไชยยศ กล่าวว่า กระบวนการลาออกไม่ได้อยู่ที่นายกฯ รับหรือไม่ได้รับจดหมาย แต่อยู่ที่เมื่อหัวหน้าพรรคลงนามไปแล้ว แม้เพียงพูดเฉยๆ ก็หลุดออกจากตำแหน่งแล้ว ทั้งนี้ ก็ต้องไปถามนายสมพงษ์ว่าขณะนี้จดหมายลาออกของนายประสงค์อยู่ที่ไหน ได้ส่งถึงมือนายกฯ แล้วหรือยัง เมื่อมีรัฐมนตรีว่างลงก็เป็นสิทธิ์ของนายกฯ จะดำเนินการเสนอชื่อเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะทุกคนตระหนักเรื่องการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท แต่เมื่อนายกฯ มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ ก็สามารถใช้โอกาสตรงนั้นได้ ซึ่งภาพการเปลี่ยนรัฐมนตรีบ่อยตนยอมรับว่าอาจจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรค วันที่มีข้อตกลงตนเคยทักท้วงแล้ว แต่เมื่อเป็นความประสงค์ของผู้ใหญ่ตนขัดไม่ได้ ก็ต้องทำตามนั้น

“ผมไม่ได้อยากออกมาพูดซ้ำ แต่อยากให้รู้ว่าผมไม่ได้อยากออกมาเป็นคนที่อยากจะเป็นรัฐมนตรี แต่แค่ออกมาทวงสิทธิความเป็นธรรมที่ควรมีของผม แต่ทำไมถึงกลายเป็นว่าผมออกมาแย่งตำแหน่ง ถ้าทุกคนยึดมั่นในคำสัญญา ไม่ยึดติดกับสิ่งต่างๆ มันไม่ควรจะมีเหตุการณ์ตรงนี้เลย ผมไม่คิดเลยว่าจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นวันนี้ ถ้าผมรู้ก่อนจะไม่ออกมาแถลงข่าว แต่การที่ผมออกมาแถลงข่าวเพราะผมเป็นโฆษกพรรค เพราะผมเป็น ส.ส. เป็นผู้ถือหนังสือ หัวหน้าพรรคเลยมอบหมายให้เป็นผู้ถือหนังสือมายื่นนายกฯ อยากถามว่าเมื่อมีข้อตกลงกันจริงทำไมต้องไปบิดเบือนเป็นประเด็นอื่น ความจริงเรื่องควรจะจบแบบเงียบๆ ด้วยซ้ำ” นายไชยยศกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการดึงใบลาออกกลับมาอีกหรือไม่ นายไชยยศ กล่าวว่า ถ้ากระบวนการทางกฎหมายจบแล้วเอาจดหมายกลับมาเพื่ออะไร แล้วพรรคจะไม่เป็นตัวตลกหรือเอาให้นายกฯ แล้วไปขอถอนคืน มันทำไม่ได้ ไม่ทราบว่าคนพูดมีวัตถุประสงค์อะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากได้ไปนั่งเป็น มท.3 จะกดดันหรือไม่ นายไชยยศ กล่าวว่า ไม่กดดัน ส่วนจะมีความสง่างามหรือไม่นั้น ตนยืนยันว่าได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ทำในสิ่งที่เป็นคำมั่นสัญญาของทุกคน และเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่ตนควรจะได้ดำรงตำแหน่ง มท.3 มาหลายสัปดาห์แล้ว และตนไม่ได้คิดว่าจะมีการติดยึดมากมาย แต่ถ้าตนไม่ทำก็กลายเป็นว่าวันหนึ่งจะมีคนบอกว่าตนรับผลประโยชน์หรือไม่ เพื่อแลกกับสิ่งที่ตนต้องถอยออกไป
กำลังโหลดความคิดเห็น