ศาล รธน.รับคดียุบพรรค พปช.-ชท.และ มฌ.เข้าสู่กระบวนการไต่สวนตามคำร้องขอของ อสส. พร้อมเร่งให้ส่งหัวหน้าพรรคเข้าชี้แจงภายใน 15 วัน ดักคอยุบสภาหนีไม่ส่งผลกระทบต่อการพิจารณาคดี
วันนี้ (14 ต.ค.) นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ เลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ แถลงภายหลังการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่มีนายชัช ชลวร เป็นประธานว่า ที่ประชุมคณะตุลาการมีคำสั่งรับคำร้องที่อัยการสูงสุด (อสส.) ขอให้ยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย (มฌ.) พรรคชาติไทย (ชท.) และพรรคพลังประชาชน (พปช.) ไว้พิจารณาแล้ว
โดยต่อจากนี้ ทางศาลจะทำหนังสือให้หัวหน้าพรรคทั้ง 3 พรรคได้รับทราบและส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหามายังศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วันนับแต่วันที่รับหนังสือ อย่างไรก็ตาม ทางศาลยังอนุญาตให้นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ และคณะเป็นผู้ดำเนินคดีในศาลรัฐธรรมนูญแทนอัยการสูงสุดตามที่ได้ขอมา
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะหยิบยกพรรคใดขึ้นมาพิจารณาเป็นพรรคแรก นายไพบูลย์ กล่าวว่า ยังไม่สามารถบอกได้ ขึ้นอยู่เอกสารหลักฐานว่าตุลาการจะสรุปสำนวนของพรรคใดได้เร็วกว่ากัน หากข้อมูลไม่ซับซ้อนก็อาจหยิบยกพรรคนั้นขึ้นมาพิจารณาก่อนได้ ทั้งนี้ น่าจะต้องมีการพิจารณาไต่สวนออกนั่งบัลลังก์เหมือนการพิจารณายุบพรรคที่ผ่านมา
ทั้งนี้ คาดว่าภายในสิ้นเดือนน่าจะเริ่มกระบวนการพิจารณาในขั้นต่อไปได้ โดยต้องขึ้นอยู่กับคณะตุลาการเป็นผู้พิจารณา ส่วนจะใช้ระยะเวลากี่เดือนจะแล้วเสร็จยังไม่สามารถกำหนดได้ ถือเป็นอำนาจของตุลาการพิจารณาประเด็นหลังจากมีการส่งคำโต้แย้งของคู่กรณีมาแล้ว และศาลจะคำนึงถึงการอำนวยการยุติธรรมให้มากที่สุดและให้โอกาสคู่กรณีก่อน
เมื่อถามว่า กรณีนายสมัคร สุนทรเวช อดีตหัวหน้าพรรค พปช.กำลังป่วยไม่สามารถมาชี้แจงด้วยตัวเองได้จะมีผลต่อการพิจารณาหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ไม่น่ามีปัญหาในเรื่องนี้ เพราะในคำร้องได้ระบุไว้ว่าสามารถให้ผู้รักษาการแทนมาชี้แจงแทนได้ เพราะพรรคการเมืองเป็นนิติบุคคล
เมื่อถามว่า กรณีมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะมีผลต่อการพิจารณาคดียุบพรรคพลังประชาชนหรือไม่ นายพสิษฐ์ กล่าวว่า การแสดงความคิดเห็นนั้นเป็นสิทธิส่วนตัวของนายจรัญ ตุลาการมีอิสระในการแสดงความคิดเห็นและการกระทำก็ไม่ได้เป็นมติของศาลแต่อย่างได ซึ่งนายจรัญก็เป็นคนดีและมีดุลยพินิจเป็นของตัวเอง การกระทำต่างๆ ท่านคงต้องดูตามความเหมาะสม
เมื่อถามว่า หากมีการร้องขอมาให้นายจรัญต้องออกจากการเป็นองค์คณะในการพิจาณากรณียุบพรรคพลังประชาชนนั้น นายจรัญจำเป็นต้องออกจากการเป็นองค์คณะหรือไม่ นายพสิษฐ์ กล่าวว่า ยังไม่ถึงขั้นนั้น เพราะขณะนี้เป็นเพียงการตรวจรับคำร้อง ซึ่งยังไม่ได้ลงไปในรายละเอียดและกระบวนการพิจารณา ก็อาศัยของกำหนดเป็นตัวตั้งอยู่แล้ว
ส่วนหากมีการยุบสภาเกิดขึ้นในเวลานี้ คดีการยุบพรรคจะต้องดำเนินต่อไปหรือไม่นั้น ตนเห็นว่าเป็นดุลพินิจของตุลาการ และเหตุก็ยังไม่เกิด ค่อยมาว่ากันทีหลังว่าจะพิจารณาต่อหรือว่าจะจำหน่ายเรื่องใดออก ส่วนจะมีการกดดันหรือไม่ นั้นเชื่อว่าตุลาการฯก็คงไม่ได้กดดันอะไร
เมื่อถามถึงกรณีที่จะมีการยื่นเรื่องให้ตุลาการฯพิจารณาเรื่ององค์ประชุมไม่ครบ นการแถลงนโยบายเมื่อวันที่ 7 ต.ค.นั้น ร่วมเรื่องที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีถือหุ้นในบริษัทล็อกอินโฟร์ เกิน 5% นายพสิษฐ์ กล่าวว่า ทั้ง 2 เรื่อยังมาไม่ถึงศาล ต่อจากนี้หากมีการยื่นเรื่องใดมาถึงศาลก็จะแจ้งให้สื่อมวลชนได้รับทราบ