ตำรวจถูกจับโกหกอีกครั้ง หลังผู้เชี่ยวชาญด้านระเบิดออกมายืนยัน ภาพเหตุการณ์สลายการชุมนุมเห็นชัดว่าตำรวจใช้แก๊สน้ำตา 3 ชนิดยิงใส่ประชาชน โดย 2 ชนิดที่อานุภาพร้ายแรงทำคนแขน-ขาขาดได้ ตำรวจไม่นำมาสาธิตให้ดู ด้านแพทย์ ชี้ ปลอกแก๊สน้ำตาที่ ตร.ยิง ระบุชัด “ยิงโดนตัว ตายได้”
พล.ต.ท.อัมพร จารุจินดา อดีตผู้บัญชาการสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิด กล่าวว่า แก๊สน้ำตาที่ใช้มี 3 แบบ คือ 1.รุ่นที่สั่งซื้อจากสหรัฐฯ ราคาแพง เมื่อยิงจะไม่มีการระเบิด ไม่มีลูกไฟ มีเพียงควันซึมออกมาเท่านั้น เป็นชนิดเดียวกับที่ตำรวจสาธิตให้สื่อมวลชนดู 2.รุ่นที่สั่งซื้อจากประเทศจีน ราคาถูก มีความยาว 6 นิ้ว เส้นผ่านศูนย์กลาง 38 มิลลิเมตร น้ำหนัก 2 ขีด เมื่อยิงออกไปและตกกระทบ หรือชนกับวัตถุอื่นจะระเบิดเสียงดัง เพื่อให้ควันแตกตัวออกจากพลาสติกที่เป็นทุ่นห่อหุ้ม การระเบิดดังกล่าวมีอันตรายต่อผู้ที่อยู่ใกล้จุดระเบิด เพราะการยิงต้องใช้ความเร็วสูง ประมาณ 200 ฟุตต่อวินาที 3.แก๊สน้ำตาแบบขว้าง จะมีกระเดื่องระเบิดอยู่ด้วย เมื่อใช้ต้องดึงกระเดื่องออก แล้วปาใส่พื้นที่เป้าหมายทำให้ระเบิดแล้วควันแตกตัว
“จากการชมภาพข่าวการสลายการชุมนุม เห็นว่าตำรวจใช้แก๊สน้ำตาทั้ง 3 แบบ ซึ่งแบบขว้างและแบบที่ซื้อจากจีน ทำให้เกิดการบาดเจ็บสาหัส ขาและแขนขาดได้ อาการบาดเจ็บไม่ต่างจากการถูกประทัดยักษ์ระเบิดใส่มือ เท้า เพราะปืนที่ใช้ยิงแก๊สน้ำตามีความเร็วสูง เมื่อกระทบหรือชนอวัยวะใดของร่างกาย เช่น ขาหรือแขน มีอานุภาพทำให้แขน ขา หักได้ทันที เมื่อเกิดการระเบิดขึ้นจะทำให้อวัยวะที่หักอยู่แล้วขาดรุ่งริ่งได้ ทั้งนี้ ระเบิดจากแก๊สน้ำตาจะพบสะเก็ดระเบิดที่เป็นเศษพลาสติกเท่านั้น ไม่มีเศษโลหะอื่น หรือเศษแก้วปะปน”
ด้าน นพ.อธิศพันธุ์ จุลกทัพพะ อาจารย์ประจำภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.จุฬาฯ กล่าวว่า ตนเก็บปลอกแก๊สน้ำตาได้จากบริเวณที่มีการสลายการชุมนุม พบมีคำเตือนเป็นภาษาอังกฤษระบุว่า “อย่ายิงตรงตัวบุคคล เพราะจะทำให้เกิดการเสียชีวิตได้” ไม่ทราบว่าตำรวจผู้ยิงอ่านคำเตือนออกหรือไม่